ชายที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์หยิบกระเป๋าเป้ตรงปลายเท้าขึ้นมาแล้วล้วงมือเข้าไปค้นหาหมวกแก๊ปมาสวมไว้ แต่สายตายังไม่ละจากผู้จัดการที่กำลังเก็บเงินในลิ้นชักเข้าถุงผ้าสีน้ำตาลของธนาคาร
“เร็วๆ หน่อย เอาแต่แบงก์ เหรียญไม่ต้อง…หนัก”
เขาสั่งอย่างใจเย็นแล้วหยิบหมวกอีกใบขว้างข้ามห้องไปให้เพื่อนสวม
“อีกสิบนาทีกูจะออกไปจากที่นี่ ถ้าไม่อยากให้มีคนเจ็บเพิ่มก็อย่าคิดต่อสู้ เงินพวกนี้ไม่ใช่เงินของพวกมึง ไม่ต้องคิดจะรักษาไว้ให้เจ้าของธนาคาร เพราะถ้าพวกมึงตาย สุดท้ายญาติมึงก็จะได้แค่ค่าทำศพกับพวงหรีดจากมัน”
เขากวาดตามองทุกคนในธนาคาร ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครสักคนที่คิดต่อสู้กับเขา
เสียงสัญญาณดังเข้าเครื่องโทรศัพท์รับสายด่วน เจ้าหน้าที่หญิงหาวหวอดก่อนจะรับสายด้วยน้ำเสียงไม่สดชื่นนัก
“911 ค่ะ มีเรื่องด่วนอะไรให้ช่วยเหลือคะ”
“ผมได้ยินเสียงเหมือนปืน แต่ก็ยังเถียงกันอยู่ บางคนบอกว่าไม่น่าใช่ปืน มันดังสองสามนัดครับ” ปลายสายพูดอย่างร้อนรน
“แล้วตกลงมันใช่เสียงปืนไหมคะ”
“ผมจะรู้ไหมเนี่ย คุณก็ส่งตำรวจมาสิ”
“เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไหนคะ”
พนักงานยังไม่รู้สึกตื่นเต้นนัก เพราะวันหนึ่งๆ มีสายด่วนเข้ามาเป็นร้อยเป็นพันสาย และหลายสายในนั้นมักเป็นเรื่องไม่จริง หน้าที่ของเธอนอกจากจะรับเรื่องราวร้องทุกข์แล้ว ยังต้องประเมินเหตุการณ์เบื้องต้นด้วยว่าสิ่งที่ได้ยินจะเป็นข่าวลวงหรือไม่ เพราะถ้าหากเชื่อทุกเรื่อง เธอก็จะโดนหน่วยปฏิบัติการภาคสนามตำหนิมาได้ว่าสิ่งที่เธอแจ้งไปนั้นทำให้พวกเขาเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
“มันน่าจะดังมาจากในธนาคาร”
“ธนาคารไหนคะ สาขาอะไร กรุณาแจ้งพิกัดด้วยค่ะ”
“ธนาคารทวีสินทรัพย์ สาขาหน้าโรงเรียนอนุบาลลูกขวัญครับ พวกคุณช่วยส่งตำรวจมาดูหน่อยได้ไหม ตอนนี้ประตูธนาคารปิดเงียบเลย ไม่มีคนกล้าเข้าไปดูใกล้ๆ และโรงเรียนก็กำลังจะเลิกแล้วด้วย”
“เดี๋ยวค่ะ ใจเย็นๆ นะคะ ดิฉันต้องการรายละเอียดมากกว่านี้ คุณบอกว่าได้ยินเสียงปืน…เวลาประมาณเท่าไรคะ”
“สักห้านาทีที่แล้ว นี่ผมก็กดโทรศัพท์มือแทบหงิกเลยกว่าจะติด”
“แล้วมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในละแวกนั้นมายังสถานที่เกิดเหตุรึยังคะ”
“ยังครับ อ้าว ผมแจ้งคุณ คุณต้องเป็นคนตรวจสอบสิ”
“ก็แค่ถามดูน่ะค่ะ” เสียงของเธอเริ่มสะบัด “คุณชื่ออะไรคะ”
“จะถามชื่อผมทำไมเนี่ย”
“มันเป็นขั้นตอนของการแจ้งเหตุค่ะ ดิฉันจำเป็นต้องถามเพื่อจะได้ตรวจสอบความถูกต้อง ถ้าเกิดเป็นพวกชอบแกล้งตำรวจโทรมา เราจะได้ตามตัวถูก”
“โอ๊ย จะบ้าตาย อยากเป็นพลเมืองดีโทรมาแจ้งความแต่ดันถูกกล่าวหาว่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะ เอางี้นะคุณ…ข้างในนั้นน่ะไม่มีญาติผมสักคน พวกเขาจะเป็นจะตายผมต้องสนใจไหม คุณน่ะชื่ออะไร บอกมาดีกว่า ผมจะได้โทรไปร้องเรียนกับสื่อว่าเจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์ไม่ได้ช่วยให้สังคมมีความปลอดภัยขึ้นเลย”
เจ้าหน้าที่หญิงพยายามควบคุมสติ เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนลมออกมาก่อนตอบ “เอาล่ะค่ะ ดิฉันจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบสถานการณ์ที่ธนาคารทวีสินทรัพย์ สาขาหน้าโรงเรียนอนุบาลลูกขวัญนะคะ”
“ดีครับ”
ปลายสายวางหูไปแล้วด้วยความฉุน เจ้าหน้าที่หญิงพิมพ์ข้อความลงในโปรแกรมแจ้งเหตุของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ที่โทรเข้ามากับรายละเอียดการแจ้งความถูกส่งเข้าไปในระบบ ตอนนี้ก็แค่รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งอยู่ใกล้สถานที่เกิดเหตุที่สุดโทรศัพท์ติดต่อเข้ามา
“โทรมาสิๆ มีไหม มีใครอยู่แถวนั้นไหม”
มีเสียงตอบรับจากวิทยุในรถสายตรวจดังเข้ามา เขาแจ้งหมายเลขประจำตัวของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่หญิงสามารถเห็นรูปถ่าย ชื่อ-นามสกุล ยศ และสังกัดของเขาได้จากหน้าจอคอมพิวเตอร์ทันที
“รับทราบการแจ้งเหตุครับ ผมอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณหนึ่งกิโลเมตร แต่รถติดมากเลยตอนนี้”
“ค่ะ พลเมืองดีบอกว่าเมื่อประมาณห้านาทีที่แล้วได้ยินเสียงคล้ายปืนดังขึ้นสองหรือสามนัด สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นภายในธนาคารนะคะ ตอนนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุเลยค่ะ”
“ครับ ผมกำลังไปครับ”
ทั้งต้นสายและปลายสายวางหูลงเกือบจะพร้อมกัน หน้าที่ของเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายก็หมดเพียงเท่านี้ ต่อไปเธอก็แค่นั่งรอสายเรียกเข้าสายต่อไป