LOVE
ทดลองอ่าน เจรจาต่อ-ตาย ตอน ราคะ บทที่ 1-บทที่ 3
บริเวณหน้าธนาคาร รถจักรยานยนต์ถูกเคลียร์ออกไปจากบริเวณหน้ากระจกโดยไม่ให้คนในนั้นสังเกตเห็นความผิดปกติ ขณะนี้รถกระบะของตำรวจถูกนำมาจอดแทน คนที่ถือโทรโข่งขนาดเล็กหลบอยู่หลังรถพร้อมกับเพื่อนตำรวจในเครื่องแบบของเขาอีกนาย
เจ้าหน้าที่หน้างานประเมินสถานการณ์แล้วว่าไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ เนื่องจากหลังจากที่ไฟฟ้าในธนาคารดับลง พลเมืองดีแจ้งว่าไม่มีใครออกมาจากธนาคารอีกเลย และในตอนนี้ทุกอย่างก็ยังคงเงียบ
“แจ้งนายเถอะ ท่าทางจะไม่ค่อยดี”
“ครับพี่” ตำรวจอีกนายยกหูโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแล้วกดเรียกหมายเลขที่ต้องการ รอไม่นานปลายสายก็รับ เขาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ครับ ตอนนี้ผมกับพี่รุณอยู่ในสถานที่เกิดเหตุครับ มีคนแจ้งเข้ามาว่าได้ยินเสียงปืนจากในธนาคาร เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุแล้วพบว่าสถานการณ์ด้านในยังเงียบอยู่…มองไม่เห็นใครเลยครับ”
เขาแจ้งพิกัดไปแล้ววางสายลง เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายจึงหันมาถาม
“เป็นไง”
“นายจะมาเอง ทีมมาด้วย”
หัวใจของผู้จัดการธนาคารเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นสุภาพสตรีคนนั้นถูกลากออกไปทางด้านหลังธนาคาร เขาตัดสินใจในวินาทีสุดท้ายก่อนที่คนทั้งคู่จะลับสายตา ชายร่างอ้วนเตี้ยยกกำปั้นข้างที่ยังไม่ถูกรวบไว้กับขาเก้าอี้กระแทกไปที่ใบหน้าของคนร้ายอีกคนเต็มกำลัง
…ปึ้ก!…
“โอ๊ย! ไอ้ผู้จัดการนี่!”
มันใช้มือข้างที่ถือปืนฟาดเข้าไปที่ขมับของผู้จัดการสาขาทันทีคล้ายกับเป็นปฏิกิริยาโต้กลับอัตโนมัติ เสียงตัวประกันหวีดร้องขึ้นพร้อมกัน และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
…ปัง!…
“เฮ้ย!”
“กรี๊ดดดดดดดด…”
คนร้ายอีกคนที่ผลุบหายไปทางด้านหลังธนาคารจำเป็นต้องเดินกลับเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงปืนนัดที่สี่ดังขึ้น พร้อมๆ กับเสียงหวีดร้องที่ดังกว่าเดิม
“อะไรวะ มึงยิงทำไม”
“ฉะ…ฉันไม่ได้ยิง ปืนมันลั่นพี่”
เสียงปืนที่ดังขึ้นทำให้สถานการณ์ด้านนอกธนาคารเปลี่ยนแปลงไปทันที การุณเดินเลียบกับข้างรถกระบะเพื่อจะเข้าไปหยิบวิทยุในรถ เขาจำเป็นต้องติดต่อกับส่วนกลางเพื่อแจ้งว่าขณะนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว มันไม่ได้มีเพียงความเงียบ แต่เสียงปืนนั้นบอกให้รู้ว่าทุกคนที่อยู่ด้านในธนาคารกำลังตกอยู่ในอันตราย และเป็นไปได้สูงว่าคนหรือกลุ่มคนที่มีเจตนามุ่งร้ายต่อผู้อื่นนั้นเป็นคนที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเลวร้ายลง
“ร้อยตำรวจตรีการุณ ขอแจ้งสถานการณ์จากที่เกิดเหตุ…” เขาแจ้งพิกัดให้หน่วยรับแจ้งสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทราบ “ขณะนี้มีเสียงปืนดังขึ้นภายในธนาคารอีกหนึ่งนัด เราต้องการกำลังเสริม คาดว่ามีตัวประกันอยู่ในนั้นแต่ยังไม่ทราบจำนวน เร็วๆ ด้วยนะครับ”
ขณะที่กำลังจะวางสายนั้น พิบูลย์คู่หูของเขาก็เข้ามาสะกิดทางด้านหลัง
“นายมาแล้วพี่”
“เออ ดี”
คนทั้งคู่ยังคงหมอบต่ำ กระจกหน้าธนาคารยังไม่สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวจากภายในได้ ชายร่างสูงใหญ่ ผมรองทรงสั้นหยักศก คิ้วหนา นัยน์ตาดุ ผิวคล้ำแดดกำลังลงจากรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ซึ่งจอดเยื้องออกไปไกลจากรถกระบะพอสมควร เขาอยู่ในชุดเสื้อโปโลสีขาว กางเกงยีน และมีเสื้อหนังสีดำทับมาอีกชั้นหนึ่ง ชายวัยสามสิบปลายๆ คนนั้นค้อมตัวแล้วย่องตรงมาที่นายตำรวจทั้งสองซึ่งยืนหลบอยู่ข้างตัวรถ
“สวัสดีครับ”
คนทั้งคู่ยกมือตะเบ๊ะ แต่เจ้านายไม่ได้สนใจ เขาเข้าประเด็นทันที
“ว่าไง”
“เมื่อกี้เพิ่งได้ยินเสียงปืนอีกนัด แต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ครับผม” พิบูลย์รายงาน
การุณรีบเสริม “ชาวบ้านแถบนี้บอกว่าตั้งแต่ได้ยินเสียงปืนนัดแรกก็ยังไม่เห็นใครออกมา”
“ประมาณกี่นาที”
“เอ่อ…” ทั้งสองคนก็ไม่สามารถบอกเวลาที่แน่นอนได้
โอบเกียรติส่งสายตาดุให้ลูกน้องก่อนสั่งการ “แล้วสื่อสารกับคนข้างในรึยัง”
“ผมพูดใส่โทรโข่งไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีการโต้ตอบกลับมา หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงปืนดังขึ้นครับ”
คนฟังส่ายหน้า “ไม่ดีเลย เดี๋ยวทีมมาถึงเราจะปิดล้อมที่นี่”
“มาแล้วครับนาย”
ทั้งสามหันไปมองรถกระบะคันใหญ่ที่ขนกำลังพลในเครื่องแบบพร้อมโจมตีแบบประชิดตัวมาเต็มคันรถ เมื่อพวกเขามาถึงก็รีบปฏิบัติหน้าที่อย่างรู้งาน ส่วนหนึ่งแยกไปคุมฝูงชน อีกส่วนหนึ่งรีบเข้ามาหาโอบเกียรติ
“คาดว่ามีตัวประกัน”
โอบเกียรติบอกชายสามคนที่ใส่เสื้อเกราะพร้อมปฏิบัติหน้าที่ หนึ่งในนั้นคือวิญญู มือขวาของเขา
“งั้นก็ต้องตาม NIC สิครับ”
“เดี๋ยว…ผมอยากลองเจรจาดูก่อน พวกคุณควบคุมสถานที่ให้ผมด้วย”
“ได้ครับ”
วิญญูแยกตัวออกไปแล้ว เขาต้องทำงานตามขั้นตอน นั่นคือกันฝูงชนออกไปให้ห่างจากจุดเกิดเหตุมากที่สุด เพราะหากคนร้ายมีวัตถุอันตรายที่สามารถประทุษร้ายคนเป็นจำนวนมากได้ ฝูงชนเหล่านี้จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับอันตราย นายตำรวจในเครื่องแบบปฏิบัติการเต็มรูปแบบเข้าไปคุยเพื่อวางแผนกับทีมของเขาอีกห้าคน โดยที่ส่วนหนึ่งเพิ่งคุยกับประชาชนที่มุงดูเหตุการณ์เสร็จ
“พี่โอบบอกว่าจะลองเจรจาก่อน เราต้องปิดล้อมธนาคาร พวกนายดูทางเข้าออกให้ครบทุกด้าน ส่วนฉันจะคอยเป็นแบ็กอัพให้พี่โอบเอง”
“มีตัวประกันไหมพี่”
“คาดว่าจะมี”
“แล้วไม่ตาม NIC เหรอ”
“รอคำสั่งจากพี่โอบสิ ตอนนี้ยัง…ไป ไปดูทางออกด้านหลังอาคารซิว่ามันเชื่อมต่อกับอะไร แล้วนาย…” เขาหันไปหาอีกคน “พยายามติดต่อเจ้าหน้าที่ส่วนกลางของธนาคารให้ได้ แจ้งเหตุฉุกเฉินกับเขา และบอกว่าเรากำลังจะเข้าควบคุมสถานการณ์”
“ครับ”
ทุกคนกระจายกำลังออกไปตามที่วิญญูได้แบ่งงานเป็นกลุ่มย่อยให้ ตอนนี้ตำรวจจราจรซึ่งมีหน้าที่ดูแลการจราจรในช่วงที่โรงเรียนกำลังจะเลิกนั้นได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมด้วย พวกเขาจะคอยเคลียร์รถและผู้คนไม่ให้เข้าไปยุ่งวุ่นวายในพื้นที่เสี่ยง หากสถานการณ์เลวร้ายลงอาจต้องมีการแจ้งไปที่โรงเรียนอนุบาลเพื่อชะลอการปล่อยนักเรียนออกจากโรงเรียนชั่วคราว