LOVE
ทดลองอ่าน เจรจาต่อ-ตาย ตอน ราคะ บทที่ 1-บทที่ 3
คนร้ายสองคนทิ้งตัวประกันคนอื่นไว้ในห้องโถง ส่วนตัวเองกลับมาหลบอยู่อีกฟากของผนังซึ่งเป็นทางออกไปยังด้านหลังของอาคาร โดยมีสุภาพสตรีคนเดิมอยู่ในอ้อมแขนของมันด้วย ชายสวมเสื้อสก็อตโผล่หน้าออกไปดูสถานการณ์ด้านหน้าธนาคารผ่านกระจก
“ซวยแล้ว ตำรวจมากันเต็มเลย”
เขารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถออกไปจากที่นี่โดยอาศัยเส้นทางหน้าธนาคารได้อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือทางหนีทีไล่ที่เขาคิดไว้ตั้งแต่ต้นนั้น มันปลอดภัยดีหรือเปล่า
“ทำไงดีพี่”
เขาถอนใจหนัก “มาก็มาสิวะ มันไม่กล้ายิงเข้ามาหรอก ตัวประกันอยู่ในนี้ตั้งหลายคน”
“ฉัน…ฉันกลัว…”
“มากลัวอะไรตอนนี้ มึงตามกูออกมา แล้วอย่ายิงมั่วซั่วอีก ไม่อย่างนั้นตำรวจจะตามเก็บมึง เข้าใจไหม!”
“จ้ะ” ลูกน้องพยักหน้าหงึกหงัก
พวกมันยังคงทำตามแผนเดิม นั่นคือพาตัวประกันไปด้วยหนึ่งคน ส่วนผู้จัดการสาขาถูกคล้องกุญแจมือติดไว้กับเก้าอี้ ตอนนี้เขามีเลือดไหลออกจากหูด้วย ซึ่งทำให้บรรยากาศโดยรวมน่ากลัวเข้าไปอีก มีคนบาดเจ็บถึงขั้นเสียเลือดถึงสองคน และทุกคนล้วนถูกจับคล้องกุญแจมือ
ตัวประกันรับรู้ว่าพวกคนร้ายยังไม่ได้ออกไปจากธนาคาร แต่พวกเขาก็ยังมีความหวังว่าตัวเองจะรอด เพราะหลายคนมองออกไปเห็นรถตำรวจ แล้วด้านหน้าธนาคารนั้นก็ร้างผู้คนกับรถราจนผิดสังเกต แสดงว่าคนภายนอกรับรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในนี้แล้ว แม่บ้านเริ่มสวดมนต์เบาๆ เพื่อหวังให้สถานการณ์นี้สิ้นสุดลงเสียที
คนที่ลากตัวประกันหญิงไว้ในอ้อมแขนนั้นออกเดินนำหน้า ผ่านห้องครัวขนาดเล็กของธนาคารที่มีเพียงโต๊ะรับประทานอาหาร ตู้เย็น เคาน์เตอร์วางไมโครเวฟกับอุปกรณ์ชงชาและกาแฟเท่านั้น ด้านข้างตรงที่วางตู้เย็นได้ถูกกั้นไว้เป็นส่วนของห้องน้ำสำหรับพนักงาน ซึ่งพื้นที่ด้านหลังสำหรับใช้งานทั่วไปนั้นแคบกว่าพื้นที่ด้านหน้าส่วนของธนาคารเสียอีก ความจริงสถานที่นี้ถูกออกแบบมาให้เป็นอาคารพาณิชย์สองชั้นสำหรับอยู่อาศัยชั้นบนและทำธุรกิจชั้นล่าง แต่ธนาคารทวีสินทรัพย์ได้เช่าพื้นที่เพื่อเปิดเป็นสาขาย่อย เพราะเห็นว่าทำเลเหมาะ เนื่องจากเป็นย่านตลาด โรงเรียน และร้านค้าจึงทำให้ธนาคารสามารถหาลูกค้าได้จำนวนมาก ปัจจุบันสาขาหน้าโรงเรียนอนุบาลลูกขวัญสามารถดำเนินธุรกิจและทำกำไรให้แก่ธนาคารจนติดอันดับต้นๆ ของสาขาทั้งหมดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ชายคนแรกเปิดประตูด้านหลังธนาคาร อีกคนเดินตามพร้อมระวังหลังให้ ตอนนี้คนในโถงธนาคารคงไม่สามารถตามมาได้ แต่ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรเจ้าหน้าที่จะบุกเข้ามาช่วยตัวประกัน และเมื่อถึงเวลานั้นการหนีของพวกเขาก็จะลำบากขึ้น
“เดินไปข้างหลังตึก ใกล้สุดทางเดินจะมีบันไดปีนข้ามกำแพงไปทางหลังตลาด รถกระบะที่จะใช้หนีจอดอยู่ไม่ไกล”
คนเดินนำหน้าสั่งขึ้นลอยๆ แต่เขาก็ยังเป็นคนนำทาง สุภาพสตรีที่ถูกลากออกมานั้นไม่มีปากมีเสียง เธอยังคงเดินตามแรงจูงนั้นไป ทางเดินด้านหลังอาคารเป็นทางเดินแคบๆ ซึ่งอาคารพาณิชย์แต่ละหลังต่างก็ปิดตายส่วนนี้ไว้เนื่องจากกลัวโจรขโมยจากตลาดจะปีนรั้วเข้ามาขโมยข้าวของ แต่ตัวอาคารเองจำเป็นต้องกันพื้นที่ส่วนนี้ไว้เพราะมันสามารถเชื่อมกับบันไดหนีไฟของอาคาร ซึ่งเป็นกฎข้อบังคับที่อาคารทุกแห่งต้องมี เส้นทางนี้เรียกว่า ‘ทางปล่อยออก’ เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ผู้คนจะสามารถหนีออกตรงเส้นทางนี้เพื่อให้สามารถออกห่างจากตัวอาคารได้มากที่สุด แต่ในยามปกติผู้อาศัยมักจะไม่ได้ใส่ใจกับมัน ส่วนธนาคารเองก็ไม่ได้ใช้ทางออกนี้เช่นกัน มีเพียงแม่บ้านเท่านั้นที่มักจะเอาผ้าขี้ริ้วสำหรับทำความสะอาดมาตากผึ่งแดดไว้
และเมื่อชายสวมเสื้อลายสก็อตไปถึงบันไดที่พาดไว้ริมรั้วก็ปล่อยตัวประกันให้อยู่กับลูกน้อง ส่วนตัวเขาเองพยายามเหนี่ยวตัวเพื่อขึ้นไปบนกำแพง แต่ทันทีที่ศีรษะโผล่พ้นกำแพง เขาก็ได้เห็นในสิ่งที่ไม่อยากเห็น จึงต้องรีบผลุบศีรษะลงอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรพี่”
“ตำรวจ!”
“หา! ตำรวจอยู่ด้านหลังนี่เหรอ”
“ใช่ พวกมันทำงานเร็วกว่าที่เราคิด”
“ทำไงดีพี่”
“กลับเข้าไปในธนาคารก่อนเร็ว!”
ตัวประกันถูกลากกลับไปที่เดิมอีกครั้ง พวกมันไม่มีทางเลือก เพราะทางหนีทีไล่ที่ตระเตรียมไว้ได้ถูกขัดขวางแล้ว ดังนั้นการกลับไปในตัวธนาคารจึงเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ในขณะนี้
“ช่วยด้วยๆๆๆ”
“ช่วยด้วย พวกเราอยู่ในนี้!”
“มีคนอยู่ในนี้ คุณตำรวจช่วยพวกเราด้วย”
เสียงตะโกนจากตัวประกันในห้องโถงของธนาคารดังสะท้อนไปทั่วตอนที่คนทั้งสามกลับเข้ามาในธนาคาร คนเป็นลูกน้องถูกสั่งให้ปิดประตูหลังให้แน่นหนา ส่วนหัวหน้าก็พาสุภาพสตรีคนนั้นกลับเข้ามาในโถงอีกครั้ง
“เงียบ!!!”
“หา!”
“กรี๊ดดดดด…”
ด้วยความที่ไม่คิดว่าคนร้ายจะกลับเข้ามาอีกครั้ง ตัวประกันทุกคนจึงส่งเสียงร้องด้วยความตกใจกลัวเมื่อได้ยินเสียงของมัน ชายสวมเสื้อสก็อตชูปืนในมือให้ทุกคนเห็นอีกครั้ง และมันก็ได้ผล เพราะตัวประกันทุกคนพร้อมใจกันเงียบ
“ทำไมแกไม่หนีไป” ผู้จัดการสาขาร้องถาม
“กูไม่หนี กูจะอยู่กับพวกมึงนี่แหละ”
แววตาของตัวประกันทุกคนตื่นตระหนก สถานการณ์ที่คิดว่าจะคลี่คลายกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หัวหน้าคนร้ายเงยหน้าขึ้นมองเหตุการณ์ด้านหน้าธนาคาร เขาเห็นผู้ชายสามคนกำลังเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เพื่อตรงมายังประตูกระจก อีกไม่ถึงสามเมตรคนพวกนั้นก็จะมาถึง…
เขาตัดสินใจในวินาทีต่อมา
…ปัง!…
กระสุนปืนที่ยิงผ่านกระจกออกมาทำให้เกิดรูขนาดไม่ใหญ่นักและไม่ได้ทำให้กระจกทั้งบานแตก แต่กลับส่งผลให้ตัวประกันยิ่งตื่นกลัว โดยเฉพาะนายตำรวจด้านหน้าธนาคาร พวกเขาต้องหมอบลงที่พื้นก่อนจะกลิ้งตัวหลบไปทางด้านข้างของอาคารพาณิชย์ เพื่อไม่ให้เป็นเป้าสายตาของคนในธนาคาร
“เรียก NIC ด่วน!”
“มันสู้ มันยิงสวน ตาม NIC เร็วเข้า!”
นั่นคือคำสั่งสุดท้ายก่อนที่หน่วยเจรจาต่อรองในกรณีเกิดเหตุอาชญากรรม (Negotiation in Crime Unit) จะถูกตามตัวมายังสถานที่เกิดเหตุ