บทที่ 2
ภายในห้องใต้บันไดหนีไฟซึ่งถูกต่อเติมขึ้นใหม่นั้นมีเสียงเพลงจังหวะหนักๆ ดังอยู่ เสียงนั้นน่ารำคาญมากกว่าจะฟังแล้วรู้สึกสบายในขณะทำงาน แต่ดูเหมือนคนที่อยู่ในห้องนั้นจะพึงพอใจกับมัน ชายร่างตุ้ยนุ้ยคนหนึ่งกำลังหยิบแซนด์วิชอกไก่อันแสนเย็นชืดเข้าปากขณะที่สายตาก็เพ่งมองไปยังจอคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่เบื้องหน้า เขาหัวเราะเสียงดังเมื่อตัวการ์ตูนกระโดดโลดเต้นไปมา ใบหน้าอวบอิ่ม หนวดเคราขึ้นหร็อมแหร็ม และผมทรงรังนกทำให้เขาดูเหมือนตัวตลก
“ทำไมไม่ปิดเพลงแล้วเปิดเสียงซะล่ะรุสก์ ถ้านายจะดูน่ะ”
คนถูกทักหันมาทางด้านหลัง ชายอีกคนกำลังแผ่เอกสารไว้เต็มโต๊ะประชุมกลางห้อง หลอดไฟที่อยู่เหนือศีรษะช่วยทำให้จุดกึ่งกลางของโต๊ะสว่างเป็นพิเศษ
“ไม่ต้อง ผมชอบแบบนี้”
“ประหลาด”
วุฒิภาศส่ายหน้าแล้วยิ้มมุมปากก่อนที่จะก้มหน้าลงไปสนใจเอกสารอีกครั้ง เขาเป็นชายร่างสูงโปร่งที่มีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา เขามีหน้าที่จดบันทึกเหตุการณ์การเจรจาต่อรองที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งไว้อย่างละเอียด แล้วยังต้องทำรายงานสรุปเหตุการณ์ไว้ด้วยไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม เพราะสิ่งที่เขาบันทึกจะกลายเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถนำมาปรับใช้ในการทำงานได้
วุฒิภาศจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจและรับราชการมาหลายปีก่อนจะมาพบหัสยุทธ ซึ่งเป็นหัวหน้าของเขาในเวลานี้ ทันทีที่ได้รู้จักหัสยุทธ เขาก็รู้ทันทีว่าชีวิตการทำงานของเขาต้องการผู้นำแบบไหน และการตัดสินใจในวันนั้นทำให้เขาต้องมานั่งทำงานในห้องใต้บันไดหนีไฟในเวลานี้พร้อมกับเพื่อนร่วมห้องประหลาดๆ อย่างปารุสก์
“แล้วนี่อาสไปไหน”
“หืม…”
คนถูกถามดึงความสนใจของตนออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วหันไปมองกระดานดำซึ่งแขวนไว้ด้านหน้าห้องทำงาน บนนั้นมีตัวหนังสือใหญ่มากปรากฏอยู่ ปารุสก์แกล้งอ่านเสียงดัง
“ขึ้นไปข้างบน”
วุฒิภาศเงยหน้าขึ้นมองกระดานดำบ้าง เขาเพิ่งเห็นตัวหนังสือนั่นตอนนี้เอง อาสดาคงเขียนไว้ก่อนที่จะออกไปข้างนอก นี่เขามัวแต่สนใจงานของตัวเองจนไม่ได้ใส่ใจเพื่อนร่วมห้องถึงขนาดนี้เชียวหรือ และคำว่า ‘ข้างบน’ ของอาสดาก็คงหมายถึง ‘บนอาคาร’ นั่นเอง เพราะอาสดาเป็นหนุ่มสังคมจัด ถ้าให้อยู่เฉยๆ ในห้องทั้งวันก็คงจะคลั่งตาย ไม่เหมือนเขากับปารุสก์ที่ถึงแม้จะถูกปล่อยให้อยู่ในห้องนี้ทั้งวันทั้งคืนก็สามารถหากิจกรรมอะไรทำได้เสมอไม่มีวันเบื่อ
เสียงโทรศัพท์ดังคล้ายเสียงไซเรนซึ่งปารุสก์เป็นคนตั้งระบบส่งสัญญาณพิเศษนี้ไว้ดังขึ้น ชายหนุ่มทั้งสองสะดุ้งพร้อมกัน มืออวบของปารุสก์เลื่อนไปปิดเพลงแล้วห้องทั้งห้องก็อยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงไซเรนเท่านั้นที่ดังอยู่ วุฒิภาศเป็นคนพุ่งไปที่เครื่องตอบรับแล้วกดปุ่มเปิดเสียง
“หน่วยเจรจาต่อรองครับ”
“มีเหตุจี้ตัวประกันเกิดขึ้นในธนาคารพาณิชย์…”
ปารุสก์ทำปากขมุบขมิบ “พี่โอบ”
“ผมต้องการครบทีมนะ” โอบเกียรติเน้นย้ำหลังจากที่แจ้งสถานที่เกิดเหตุไปแล้ว “ด่วนเลย!”
“ครับผม”
สายโทรศัพท์ถูกตัดฉับ ท่าทางทีมของโอบเกียรติเองก็จะอยู่ในภาวะคับขันเหมือนกัน วุฒิภาศหันมาสั่งงานปารุสก์ที่นั่งมองเขาตาแป๋วอยู่
“ตามอาสสิ เดี๋ยวฉันตามหัวหน้าเอง บอกให้อาสตามไปที่รถภายในห้านาที แล้วนายหยิบเครื่องมือสื่อสารของเขาติดกระเป๋าไปด้วย”
“รับทราบครับท่านนนน”
ปารุสก์ลากเสียงยาวแล้วทำตามคำสั่งนั้นทุกประการ นอกจากจะต้องหยิบเครื่องมือเครื่องใช้ไปให้อาสดาแล้ว ปารุสก์ยังต้องเก็บโน้ตบุ๊กส่วนตัวเข้ากระเป๋าเป้ด้วย ชีวิตของเขามีแค่เจ้าเครื่องนี้ก็สามารถเอาตัวรอดได้แล้ว