LOVE
ทดลองอ่าน เจรจาต่อ-ตาย ตอน ราคะ บทที่ 1-บทที่ 3
โทรศัพท์มือถือของหัสยุทธทั้งส่งเสียงร้องทั้งสั่นจนเขาสะดุ้ง ด้วยความที่กำลังใช้สมาธิในการขับรถบนทางด่วนอยู่ เขาจึงต้องชะลอความเร็วของรถลงแล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เมื่อเห็นว่าใครโทรเข้ามาก็รับสายพร้อมกับกดปุ่มเปิดลำโพง
“ว่าไงวุฒิ”
“หัวหน้าครับ มีเหตุด่วน”
“ที่ไหน”
“ธนาคารครับ…” วุฒิภาศบอกพิกัดกับหัวหน้าอย่างละเอียด “สารวัตรโอบเกียรติกำชับมาว่าขอครบทีม”
“โอเค ผมจะลงจากทางด่วน แล้วเจอกันที่นั่นเลย บอกทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมด้วย”
“รับทราบครับ”
หัสยุทธเป็นชายวัยสี่สิบใบหน้ายาว แก้มตอบ คางบุ๋มนิดๆ คิ้วเรียว ดวงตาคมกริบ ริมฝีปากบางเฉียบ และจอนผมตรงข้างหูเริ่มเป็นสีเทา หากเพิ่งพบกันอาจบอกได้ยากว่าเขาเป็นคนประเภทไหน เพราะบางครั้งดวงตาคมก็ดูซุกซน ริมฝีปากบางอาจจะกระตุกเหมือนกำลังยิ้มล้อ และคางนั้นก็อาจจะทำให้ผู้หญิงบางคนนึกหลงใหลได้เพียงแค่พบกันชั่วขณะ หากแต่ในตอนนี้ซึ่งเขาเริ่มมีความเครียดเข้ามาเกาะกุม เครื่องหน้าทุกส่วนจึงส่งสัญญาณไปในทำนองเดียวกัน นั่นคือความเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น สิ่งที่กำลังจะตกตะกอนอยู่ในความคิดถูกปิดตายลง รอเวลาว่างที่มันจะก่อตัวฟุ้งขึ้นมากระทบความคิดและจิตใจของเขาอีกครั้ง…
ปารุสก์หิ้วสายสะพายเป้ขึ้นพาดหัวไหล่ ในมือมีเครื่องมือสื่อสารทั้งวิทยุและโทรศัพท์อยู่อีกสี่เครื่อง ปากคาบปากกาไว้ ดังนั้นเสียงที่เขาพยายามจะพูดออกมาจึงฟังไม่ได้ศัพท์
“เอี้ยบอ๊อย อิดอะอูไอ้เอย” (เรียบร้อย ปิดประตูได้เลย)
“อะไร ฟังไม่รู้เรื่อง นายไปที่รถก่อน ฉันจะปิดประตูห้อง”
“อ้ออั้นแอะอี้อะออก” (ก็นั่นแหละที่จะบอก)
วุฒิภาศส่ายหัวแล้วหันไปปิดประตูห้องทำงาน ปารุสก์โผล่ออกมาตรงหน้าประตูซึ่งเป็นทางออกจากบันไดหนีไฟของตัวอาคาร ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนวิ่งลงมาจากบันไดเหล็กพอดี
“อี้อาด” (พี่อาส)
“เอ้อ ไป! กุญแจรถอยู่ไหน”
ชายร่างกลมหมุนตัวแล้วหันก้นเข้าหาอาสดา คนผิวขาว หน้าตี๋ แถมขี้หลีนั่นถึงกับงง
“หันตูดมาหาข้าทำไมตอนนี้”
“ไอ้อ้ายยยย อุนแออู่ไออูด” (ไม่ใช่ กุญแจอยู่ในตูด)
“อ้อ กุญแจอยู่ในตูด เดี๋ยวนะ อยู่นิ่งๆ” อาสดาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้านหลังของปารุสก์ คนถูกล่วงละเมิดพื้นที่ส่วนตัวดิ้นขลุกขลักด้วยความจั๊กจี้ “นิ่งๆ สิวะ เจอแล้ว! ไปที่รถเลย”
“แอ๊วไอ้อ้วยอื๋ออ๋องเอยเอ๋อ” (แล้วไม่ช่วยถือของเลยเหรอ)
อาสดาผลักประตูเหล็กซึ่งเป็นประตูสุดท้ายก่อนที่จะออกไปสู่โลกภายนอก ประตูนี้สามารถเปิดเข้าและออกได้ตลอดเวลา มันไม่มีกุญแจล็อกไว้ทั้งด้านนอกและด้านในเหมือนประตูอื่น เพราะถ้าหากเกิดเพลิงไหม้ในตัวอาคารเมื่อใด ประตูนี้จะเป็นประตูที่ช่วยให้ทุกคนหนีออกไปจากอาคารได้อย่างปลอดภัย
อาสดาพุ่งตัวไปที่รถของหน่วยซึ่งจอดไว้ในที่จอดรถข้างอาคารสำนักงาน รถของหน่วยเจรจาต่อรองมีสองคัน คันที่อาสดากำลังจะใช้นั้นเป็นรถตู้ขนาดสิบห้าที่นั่งซึ่งถูกดัดแปลงด้านในให้เหมาะกับเป็นห้องทำงานภาคสนาม เก้าอี้พับถูกถอดออกไปทั้งหมดจนเกิดเป็นพื้นที่ว่าง คอมพิวเตอร์สี่ตัวถูกนำไปฝังไว้ข้างผนังห้องโดยสาร ปารุสก์จะมีเก้าอี้ส่วนตัวซึ่งถูกล็อกไว้ให้ติดกับพื้นรถ ส่วนวุฒิภาศจะต้องใช้เก้าอี้สำรองที่ถูกติดไว้กับผนังรถฝั่งตรงข้าม เขาต้องดึงมันออกมาจากที่เก็บแล้วจึงหย่อนก้นลงไป นอกจากรถตู้แล้ว พาหนะอีกคันของหน่วยจะเป็นรถเก๋งซึ่งตอนนี้หัสยุทธกำลังใช้งานอยู่
วุฒิภาศตามปารุสก์มาทันก่อนที่เขาจะขึ้นรถ วุฒิภาศอาสาเปิดประตูรถตู้ให้ ปารุสก์พุ่งตัวเข้าไปได้แล้ววางข้าวของในมือลงบนเคาน์เตอร์เล็กๆ ทันที เขารีบเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในรถให้สามารถใช้งานได้ทุกเครื่อง ส่วนวุฒิภาศเมื่อปิดประตูสนิทก็ตะโกนผ่านกระจกที่เชื่อมระหว่างห้องคนขับกับห้องผู้โดยสารเพื่อให้อาสดาออกรถ
“ออกรถเลย”
“ตั้ง GPS* ให้ด้วย” อาสดาสั่งลอยๆ
“ครับเจ้านาย” ปารุสก์รับคำแล้วเริ่มคีย์ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของตน “เปิดหน้าจอได้เลย ไปแล้ว”
แผนที่ เส้นทางการเดินรถ ระยะทาง และเวลาที่ใช้ในการเดินทางถึงจุดหมายถูกดาวน์โหลดขึ้นบนหน้าจอเครื่องรับสัญญาณขนาดเท่าฝ่ามือตรงหน้าคอนโซลรถซึ่งเป็นตำแหน่งที่คนขับสามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่สุด อาสดาขับรถตู้ขึ้นสู่ถนนใหญ่แล้วมุ่งหน้าตามทิศทางที่ GPS บอกไว้ว่าเขาสามารถไปถึงหน้าธนาคารพาณิชย์แห่งนั้นได้เร็วที่สุด
ช่วงเวลาระหว่างเดินทางปารุสก์ไม่ได้นิ่งเฉย เขาเริ่มค้นหาข้อมูลโดยการออนไลน์คอมพิวเตอร์ในรถตู้เข้าสู่เครือข่ายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีข้อมูลส่วนกลางหลายอย่างที่เจ้าหน้าที่ระดับหน่วยงานของ NIC สามารถเข้าถึงได้ และที่สำคัญที่สุดก็คือการหาข้อมูลของสถานที่เกิดเหตุ ปารุสก์เชื่อมโยงภาพดาวเทียมจาก Google Maps เพื่อหาอาคารสิ่งปลูกสร้าง ถนน ตรอก ซอกซอยที่อยู่ใกล้เคียงกับสถานที่เกิดเหตุ แม้ข้อมูลในนั้นจะไม่ได้เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ณ วันที่ค้นหา แต่มันก็เป็นข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้มากที่สุดในเวลานี้ พวกเขาต้องรู้จักพื้นที่เป้าหมายให้มากที่สุดเพื่อหาโอกาสและลดข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น
“โห อยู่หน้าโรงเรียนอนุบาลเลย” ปารุสก์บ่น
วุฒิภาศยกนาฬิกาข้อมือของตนขึ้นมาดู “ซวยแน่ เวลาโรงเรียนเลิกด้วย”
“มันตั้งใจ งานนี้ต้องอาศัยทีมพี่โอบเคลียร์สถานที่แล้ว ข้างหลังเป็นตลาดด้วยพี่…”
วุฒิภาศจดรายละเอียดลงในสมุดบันทึกเล่มเล็กของเขา ปารุสก์ยังคงจดจ่อกับภาพในคอมพิวเตอร์ เขาหมุนจอยสติ๊กอย่างรวดเร็วเพื่อดูภาพให้ละเอียด หากใครไม่คุ้นเคยแล้วมองภาพบนหน้าจอนั่นตามเขาคงได้อาเจียนแน่
“อาคารพาณิชย์อ่ะ ไม่ชอบเลย”
“กี่ห้อง”
“ติดกันเจ็ดห้อง ธนาคารอยู่ห้องที่สามกับสี่ ตรงกลางเลย โอ๊ย รวมความยากทุกอย่างในสากลโลกไว้ด้วยกัน”
“ดึงข้อมูลผู้บริหารของธนาคาร รายชื่อพนักงานในสาขานั้น แล้วหาว่าใครเป็นเจ้าของอาคารพาณิชย์ ฉันอยากได้แผนที่โครงสร้างอาคาร”
“ครับผม”
ปารุสก์ใช้ช่องทางที่ถูกกฎหมายเพื่อหาข้อมูลมาตอบสนองความต้องการของเพื่อนร่วมทีม เขาเข้าไปในเวบไซต์หลักของธนาคารเพื่อเชื่อมโยงไปยังสาขาที่ต้องการ จากนั้นก็ส่งข้อมูลเข้ายังมือถือส่วนตัวของวุฒิภาศ นายตำรวจหนุ่มยกหน้าจอขึ้นมาอ่าน
“ห้าคน แล้วไม่มีรายชื่อพนักงานเหรอ”
“มี แต่คิดว่าไม่อัพเดตแล้ว เพราะข้างล่างระบุว่าเป็นข้อมูลตั้งแต่ปี 2556”
“ใช้ไม่ได้ งั้นต้องรอหน้างาน นายหาข้อมูลของอาคารพาณิชย์ไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะดูข้อมูลของธนาคารเอง”
“ได้เลยครับลูกพี่”
ปารุสก์หันกลับไปสนใจจอคอมพิวเตอร์ของตนอีกครั้ง เขาพยายามเพ่งหาป้ายชื่ออาคารหรือชื่อโครงการที่ระบุความเป็นเจ้าของอาคารพาณิชย์แห่งนั้นใน Google Maps เพราะถ้ามีชื่อแล้ว การหาว่าชื่อนั้นถูกขึ้นทะเบียนโดยใครหรือใครเป็นเจ้าของก็สามารถทำได้ง่ายขึ้น
Comments
