LOVE
ทดลองอ่าน เจรจาต่อ-ตาย ตอน ราคะ บทที่ 10-บทที่ 11
บทที่ 10
ตลอดเวลาที่นั่งรถมายังสำนักงานใหญ่ของธนาคารทวีสินทรัพย์โดยมีวุฒิภาศขับรถให้ หัสยุทธยังคิดถึงสิ่งที่หมอบุษบงกชบอกไว้ บางอย่างมันล่อลวงให้เขาเชื่อว่าเป็นไปได้ แต่ศีลธรรมในใจค้านว่าขออย่าให้มันเป็นจริง การมาพบถวิลอีกครั้งในสถานที่ที่เป็นของเขาทำให้นายตำรวจทั้งสองรู้สึกประดักประเดิดเล็กน้อย พวกเขาถูกเชิญให้ขึ้นไปพบผู้จัดการเขตบนชั้นสูงสุดของตัวอาคาร รออยู่หน้าห้องไม่ถึงห้านาทีก็ถูกเชิญให้เข้าไปในห้องทำงานที่เย็นเฉียบ ซึ่งแม้แต่เจ้าของห้องเองยังต้องสวมสูท
ห้องทำงานเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า พวกเขาต้องเดินเข้าไปข้างในหลายก้าวกว่าจะถึงหน้าโต๊ะทำงานของถวิล นายธนาคารมีเลขานุการคนหนึ่งกำลังยืนรอแฟ้มเอกสารที่หัวหน้าของเธอกำลังเซ็นรับทราบอยู่ เมื่อเธอได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็ค้อมตัวเดินออกไป
“เชิญครับคุณตำรวจ” ถวิลผายมือเชื้อเชิญให้คนทั้งคู่นั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะทำงานของเขา “เรารู้จักกันแล้ว ผมขอเริ่มเรื่องเลยก็แล้วกัน เพราะมันเร่งด่วนและสำคัญมาก ผมต้องมีคำตอบให้ผู้บริหารในเย็นวันนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
วุฒิภาศหันไปมองใบหน้าด้านข้างของหัวหน้า สันกรามคมให้ความรู้สึกเย็นชาปนน่าเกรงขาม หัสยุทธตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“ดูเหมือนจำนวนคนร้ายที่เราเคยสงสัยจะมีมากกว่านั้นครับ”
“อะไรนะ” ถวิลเหวอไปเลย
“จากที่เราเคยคิดว่าคนร้ายมีสองคนและเสียชีวิตไปหมดแล้วนั้นอาจไม่เป็นความจริง ในการสืบสวนเชิงลึกของตำรวจ เราพบว่ามีผู้สมรู้ร่วมคิดในคดีนี้ครับ”
“หมายความว่ายังมีโจรปล้นธนาคารอีก…ใคร”
“หนึ่งในนั้นเป็นตัวประกันซึ่งหนีออกไปพร้อมกับคนร้ายในวันเกิดเหตุ”
ถวิลอ้าปากค้าง “ตัวประกัน…สุภาพสตรีที่ตั้งครรภ์น่ะเหรอ”
“ครับ แล้วเธอยังเอาเงินจำนวนหนึ่งของธนาคารติดตัวไปด้วย ขณะนี้ทางตำรวจกำลังตามล่าหาตัวเธออยู่”
“เวร!” ถวิลสบถออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “ผมคิดว่าเราจะปิดคดีได้แล้ว”
“ยังครับ ยังมีอีกเรื่อง”
หัสยุทธพูดเสียงเย็นแล้วพยักหน้าให้วุฒิภาศ ลูกน้องของเขาเปิดซองเอกสารในมือออกแล้วยื่นภาพถ่ายปึกหนึ่งไว้ตรงหน้าถวิล
“นี่คืออะไร” เขาถาม
วุฒิภาศเป็นคนตอบ “ภาพที่แคปออกมาจากกล้องวงจรปิดของธนาคารก่อนที่คนร้ายจะเข้าไปครับ”
ถวิลดูภาพเหล่านั้นเร็วๆ “มันผิดปกติตรงไหน บอกผมหน่อยสิ”
“มันคือการทำงานเป็นทีมของคนร้ายครับ”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นถวิลก็พิจารณาภาพเหล่านั้นใหม่ช้าๆ และเป็นลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ก่อนคนร้ายที่ใส่เสื้อลายสก็อตจะเข้ามาจนถึงตอนที่เขายิงพนักงานหญิงหน้าเคาน์เตอร์ มีบางช่วงที่เขาพลิกกลับไปดูภาพที่ดูผ่านไปแล้ว หัสยุทธต้องการให้คนของธนาคารเป็นฝ่ายพูดออกมาเองว่ามันผิดปกติตรงไหน
“ถ้าผู้จัดการไม่ออกมานอกห้อง เขาจะสามารถกดปุ่มฉุกเฉินในห้องทำงานของเขาได้ ไม่น่าออกมาเลย”
หัสยุทธยิ้มมุมปาก “ครับ ไม่น่าออกมาเลย ยกเว้นแต่ว่าเขาจำเป็นต้องออกมาเพราะสถานการณ์ที่พวกเขาวางไว้แล้ว”
ถวิลเงยหน้าขึ้นจากภาพในมือ “หมายความว่ายังไงคุณตำรวจ คุณคิดว่าวิรุฬ…”
“ผมต้องการให้ท่านตรวจสอบผลการปฏิบัติงานของสาขานี้ทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องเงิน ตำรวจสงสัยว่าการปล้นครั้งนี้อาจจะเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจเพื่อปกปิดความผิดบางอย่างที่ใหญ่กว่า และถ้ามันมีสิ่งผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ท่านก็ควรจะตรวจสอบคนในก่อนเป็นอันดับแรก”
“ดะ…เดี๋ยวๆๆ นี่มันไม่ใช่การปล้นธนาคารธรรมดาๆ เหรอ ผมไม่เข้าใจ”
“มันอาจจะเป็นการปล้นธรรมดาก็ได้ครับ ตำรวจให้น้ำหนักความเป็นไปได้ทั้งสองทาง ซึ่งขณะนี้มีทีมหนึ่งกำลังตามหาคนร้ายที่เหลืออยู่ ถ้าเราหาคนนั้นเจอบางทีเขาอาจจะให้การปรักปรำคนที่เหลือก็ได้ แต่ในระหว่างนี้เราก็ไม่ควรปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์”
“นี่คุณ มันแทบจะเป็นการกล่าวหาผู้จัดการสาขาเชียวนะ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะ”
“ครับ ผมทราบดี แต่พฤติกรรมหลายอย่างของคุณวิรุฬทำให้เรานิ่งนอนใจไม่ได้ เขามีความเป็นฮีโร่มากจนน่าสงสัย และทุกครั้งที่เป็นจุดเปลี่ยนของสถานการณ์มักจะต้องมีเขาร่วมอยู่ด้วยเสมอ ตั้งแต่ผู้หญิงที่เราสงสัยว่าสมรู้ร่วมคิดกับคนร้ายเป็นคนที่มายืนหน้าเคาน์เตอร์ก่อน จากนั้นก็มีการเรียกผู้จัดการสาขาให้ออกจากห้องของเขา ตามมาด้วยคนร้ายที่เข้ามาทำธุรกรรมที่เคาน์เตอร์เดียวกัน ก่อนพนักงานหน้าเคาน์เตอร์จะถูกยิง ทุกอย่างมันลงล็อกพอดีเป๊ะกับที่คนร้ายจะสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดไว้ได้ในคราวเดียว”
“แล้วยังมีช่วงที่คนร้ายรับโทรศัพท์ด้วยครับ” วุฒิภาศอธิบายเพิ่มเติม โดยที่เขาเปิดภาพถ่ายในช่วงเวลานั้นให้ดูด้วย “ดูนี่สิครับ คนร้ายกำลังเขียนเอกสาร-ผู้จัดการยกหูโทรศัพท์ในห้องของเขาขึ้น-คนร้ายรับสาย จากนั้นผู้จัดการก็วางสายลง มันเป็นการส่งสัญญาณระหว่างกันเพื่อให้ทุกคนเตรียมตัว”
ถวิลยังคงไม่ปักใจเชื่อ “มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้”
“ไม่ครับ เพราะโทรศัพท์มือถือที่เราได้จากตัวคนร้ายมีหมายเลขบนโต๊ะทำงานของผู้จัดการเรียกเข้าด้วย ทางตำรวจตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับ เรื่องนี้เขาพลาด หรือไม่ก็มั่นใจมากว่าพวกเขาจะรอดจากการปล้นธนาคารอย่างแน่นอน”
ในที่สุดถวิลก็เถียงไม่ออก เหงื่อของเขาซึมออกมาที่หน้าผากแม้อากาศในห้องจะเย็นเฉียบ เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันทีเมื่อพนักงานระดับสูงของธนาคารเกี่ยวข้องกับคดีปล้นธนาคารของตัวเองอย่างนี้ เขาจำเป็นต้องดำเนินการโดยด่วน
“ได้ งั้นผมจะแจ้งไปยังฝ่ายตรวจสอบ แต่ผมอยากให้ตำรวจเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพราะเรื่องนี้จะทำให้ธนาคารเสียชื่อเสียงมาก”
“ไม่ต้องห่วงครับ ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ แม้แต่คุณวิรุฬเอง” หัสยุทธรับปาก