LOVE
ทดลองอ่าน เจรจาต่อ-ตาย ตอน ราคะ บทที่ 4-บทที่ 6
สองคนผัวเมียเร่งฝีเท้าเดินไปในทิศทางที่ตนเองไม่รู้จัก ท่ามกลางความมืดสลัวที่มีเพียงแสงของดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวเท่านั้นที่นำทางพวกเขา นานเกือบสิบนาทีในที่สุดคนทั้งคู่ก็ไปโผล่ยังหนองน้ำแห่งหนึ่งซึ่งพวกเขาก็ไม่รู้ว่ามันเป็นที่ไหน แต่ที่น่าตกใจคือเบื้องหลังที่พวกเขาเดินจากมานั้นมีแสงไฟสว่างกว่าเดิม พงหญ้าก็ไม่ได้สงบราบเรียบแต่มันกลับสั่นไหวคล้ายใครแผ้วถางเพื่อจะค้นหาของที่หายไปอยู่เป็นจุดๆ
“ฉันไม่ไหวแล้วพี่”
ใบหน้าที่เคยขาวและถูกแต่งแต้มอย่างดีด้วยเครื่องสำอางราคาถูกนั้นกลับเปื้อนเปรอะและชื้นเหงื่อ มีเพียงริมฝีปากที่ยังคงเป็นสีแดงสดอยู่ เธอยกมือขึ้นกุมชายโครงแล้วทรุดตัวลงนั่งริมหนองน้ำ โอ่งทิ้งเป้ที่สะพายอยู่ลงบนพื้นข้างลำตัว
“ถ้าอย่างนั้นเราต้องแยกกัน”
“อะไรนะ! พี่จะทิ้งฉันเหรอ” อิ๋วลุกขึ้นแล้วโผดึงคอเสื้อของสามี “พี่ทิ้งฉันไม่ได้นะ พี่สัญญาว่าจะดูแลฉันตลอดไปจำไม่ได้เหรอ!”
“ใจเย็นๆ ก่อนสิ” เขาจับข้อมือทั้งสองข้างของเธอมากุมไว้ “พี่ไม่ได้ทิ้ง แต่ถ้าเราอยู่ด้วยกัน อาจจะไม่รอดทั้งคู่ เธออยากใช้ชีวิตร่วมกับพี่ไม่ใช่เหรอ”
หญิงสาวที่อายุน้อยกว่าไม่กี่ปีน้ำตาไหลพราก เธอพยักหน้าหลายครั้ง
“ฟังพี่นะ ตอนนี้ทุกคนไม่รู้ว่าเราสองคนเป็นพวกเดียวกัน เพราะฉะนั้นถ้าตำรวจเจอเธอก็ให้ไปกับเขา บอกทุกคนว่าเธอถูกพาตัวมา ส่วนพี่จะพยายามหนีไปให้ไกลที่สุดแล้วค่อยหาทางกลับมาหา…ตกลงไหม”
แม้น้ำตาจะท่วมดวงตาคู่สวยแต่แววตานั้นก็บอกให้รู้ว่าเธอเข้าใจในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ดี
“แล้วเราจะติดต่อกันได้ยังไง”
โอ่งนิ่งไปชั่วครู่ก่อนตอบ “บ้าน…ทิ้งข้อความไว้ที่นั่นว่าเธออยู่ที่ไหน แล้วพี่จะไปหา เอานี่” ชายหนุ่มนั่งลงแล้วเปิดกระเป๋าเป้ “เอาเงินพวกนี้ติดตัวไป เธอต้องใช้มัน โชคดีที่ไอ้วิรุฬมันระวังเรื่องนี้ให้เราแล้ว แบงก์คละประเภทแล้วก็ไม่เรียงหมายเลข เธอเอาไปใช้ได้เลย”
มือน้อยนั้นยังสั่นตอนที่สามียื่นธนบัตรมาให้ปึกใหญ่ จนในที่สุดโอ่งจำเป็นต้องเป็นฝ่ายยัดมันไว้ในกระเป๋าถือของเธอเสียเอง
“พยายามพูดให้น้อยที่สุด ทำตัวให้น่าสงสารเข้าไว้ แล้วจะไม่มีใครสงสัยเธอ พี่จะหนีไปก่อนแล้วกบดานสักพัก รอให้ข่าวซาเราค่อยตามหากัน”
อิ๋วดึงข้อมือของโอ่งไว้อีกครั้ง “เราจะหากันจนเจอใช่ไหม”
โอ่งจ้องลึกลงไปในแววตาเศร้าและว้าเหว่นั้นอย่างมีความหมาย “แน่นอน เราต้องตามหากันจนเจอ เราเคยทำได้มาแล้วนี่ เราจะต้องทำได้อีกครั้ง เชื่อพี่…”
หญิงสาวโผเข้าหาอ้อมอกอุ่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วประกบริมฝีปากบางของเขาเป็นครั้งสุดท้าย เธอกับเขาจุมพิตกันอย่างดูดดื่มเพื่อเป็นการสั่งลา ก่อนที่เสียงแหวกพงหญ้าของผู้คนจะดังใกล้เข้ามาอีก เขาผลักเธอออกเบาๆ แล้วสะพายเป้ขึ้นบนไหล่อีกครั้ง
“อยู่ตรงนี้ ไม่ต้องเดินไปไหน พวกเขาจะได้หาเธอเจอ” มือข้างซ้ายแตะที่หน้าท้องของภรรยาเป็นครั้งสุดท้าย “ดูแลตัวเองให้ดีๆ พี่ไปล่ะ”
อิ๋วทรุดตัวลงนั่งคร่ำครวญในขณะที่โอ่งผลุบหายเข้าไปในพงหญ้าอีกด้านของหนองน้ำ หญิงสาวรู้สึกคลื่นไส้และเวียนศีรษะ นั่นอาจเป็นเพราะความเครียดที่สะสมมานาน เธอทั้งร้องไห้ทั้งอาเจียน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขยะชิ้นหนึ่งที่ถูกทิ้งไว้กลางทุ่ง ถ้าเธอตายไปตอนนี้อีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปีจึงจะมีคนพบศพ ในสมองมีความคิดวิ่งวนไปทั่ว เธอและเขาเดินเข้าสู่ประตูนรกมานานแล้ว ความทรมาน ความเจ็บปวด ความสูญเสียและสิ้นหวังไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ เธอแค่ต้องผ่านมันไปทีละขั้น ทีละเรื่องก็เท่านั้นเอง
ยิ่งเดินต่อไปก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองหลงทาง ชายหนุ่มหอบจนตัวโยน เขาเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้วว่าตัวเองอยู่ส่วนไหนของทุ่งหญ้าอันเวิ้งว้างและรกทึบ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหยุดและวางเป้ลงบนพื้นเพื่อให้หัวไหล่ได้คลายความตึงเครียดลง มือข้างหนึ่งยังคงกำปืนแน่น โอ่งทรุดตัวลงนั่งทับต้นหญ้ากลุ่มหนึ่งจนมันล้มลู่ เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีดาวระยับ
“อีกนิดเดียว”
เขาอดรำพึงไม่ได้เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว เขาเริ่มเรื่องเหล่านี้เพราะตกกระไดพลอยโจนแท้ๆ เขาพลาดกับชีวิตมาเยอะแล้วและไม่อยากจะพลาดกับมันอีก เมื่อยังมีอีกสองชีวิตรอเขาอยู่ ถ้างานนี้สำเร็จพวกเขาจะได้เงินทั้งหมดที่ปล้นมา และมันจะเป็นทุนสำหรับชีวิตในอนาคต ทุนของลูกที่จะเกิดมา เขาไม่ต้องการให้ลูกเป็นเหมือนเขากับอิ๋วที่ต้องบ้านแตกสาแหรกขาด ชีวิตของเด็กคนนี้ต้องดีกว่าพวกเขา
สวรรค์หรือนรกไม่รู้ที่ส่งวิรุฬมาให้ ทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง วิรุฬรู้ว่าโอ่งกับอิ๋วต้องการเงิน แต่เขาไม่รู้ว่าวิรุฬต้องการอะไร เขาแค่ทำตามความต้องการของเจ้าทุกข์ที่พวกเขาเคยไปปล้นบ้านเท่านั้น เพราะถ้าไม่ทำวิรุฬจะแจ้งความกับตำรวจ แล้วคราวนี้เขาก็จะต้องไปนอนในคุกโดยที่ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกเลย พวกเขาต่างมีสัญญาง่ายๆ ต่อกันว่าเมื่อปล้นเสร็จเงินเป็นของเขา แล้วต้องหายไปจากชีวิตของวิรุฬชั่วนิรันดร์ ไม่อย่างนั้นวิรุฬจะตามล้างตามเช็ดไม่มีวันเลิกลา แม้โอ่งจะมีปืน แต่เขารู้ดีว่าปืนของเขาสู้อำนาจเงินของวิรุฬไม่ได้แน่ และสิ่งที่เกิดในธนาคารนั่นก็เป็นเครื่องยืนยันแล้วว่าผู้ชายคนนั้นใจโหดกว่าที่เขาเคยคิดมากนัก
เสียงแสกสากดังขึ้นข้างตัว โอ่งขยับลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกว่าเสียงของมันมาจากเบื้องต่ำ มันไม่ใช่เสียงของรอยเท้าหรือผู้คน บางทีมันอาจจะเป็นสัตว์เลี้อยคลานบางชนิดที่เขาเผอิญเข้ามารบกวนการพักผ่อนของมันก็เป็นได้
“งู?”
ชายหนุ่มรีบดึงสายของเป้ขึ้นพาดบ่าอีกครั้ง เสียงแสกสากยังดังอยู่ใกล้ข้อเท้าของเขา แสงจากธรรมชาติมีน้อยเกินกว่าที่จะมองเห็น และนั่นมันยิ่งเพิ่มความน่ากลัวให้แก่เขา โอ่งตั้งสมาธิ เกร็งข้อและนิ้วมือเพื่อควบคุมอาวุธปืนของเขาอีกครั้ง แล้วในวินาทีต่อมาขณะได้ยินเสียงน่ากลัวนั้นอีกเขาก็เหนี่ยวไกปืน
…เปรี้ยง!…
เสียงปืนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งกำลังพยายามแพ้วถางป่าหญ้านั้นสะดุ้ง และพวกเขาก็เริ่มคาดคะเนใหม่อีกครั้งว่าผู้ร้ายกำลังหนีไปในทิศทางไหน