บทที่ 6
สถานการณ์ภายนอกธนาคารเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ตำรวจเปิดถนนให้มีการเดินรถทุกช่องทางการจราจรแล้ว และเจ้าของอาคารพาณิชย์ห้องอื่นก็กลับเข้าพื้นที่ของตน หลังจากได้รับแจ้งจากตำรวจว่าไม่พบวัตถุระเบิดและอาวุธร้ายแรงอย่างอื่นภายในบริเวณอาคารพาณิชย์ทั้งเจ็ดห้อง
ตัวประกันทุกคนถูกสอบปากคำและปล่อยตัวกลับบ้านในเวลาเกือบสี่ทุ่ม แม้จะหมดหน้าที่หลักของหน่วย NIC ไปนานแล้ว แต่ทุกคนก็ถือว่ายังอยู่ในทีมปฏิบัติการ และพวกเขาจำเป็นต้องเก็บข้อมูลทุกอย่างเพื่อสรุปคดี วุฒิภาศกับอาสดายังคงวิ่งวุ่นอยู่คนละแห่ง โดยวุฒิภาศประกบทีมสอบสวนของโอบเกียรติและหน่วยพิสูจน์หลักฐานในที่เกิดเหตุ ส่วนอาสดานั้นยังคงติดอยู่ในโรงพยาบาลพร้อมคนเจ็บทั้งสองคน และได้สอบปากคำแม่บ้านและ รปภ. ซึ่งติดรถไปที่โรงพยาบาลกับเขาด้วย
ภายในรถตู้ของ NIC จึงมีเพียงแค่หัสยุทธกับปารุสก์ประจำการอยู่ ลูกน้องตัวกลมจัดการหาอาหารรองท้องมาให้เจ้านายเป็นขนมปังไส้ต่างๆ สามห่อจากร้านสะดวกซื้อแถวนั้นกับกาแฟกระป๋อง มันพอประทังความหิวได้ชั่วขณะแต่ไม่ทำให้อิ่มนาน หัสยุทธเริ่มอยู่ไม่นิ่งจนปารุสก์รู้สึกได้
“เจ้านายจะกลับก่อนไหมล่ะครับ เดี๋ยวผมโทรรายงานก็ได้”
หัสยุทธส่ายหน้า “อยากรู้ว่าทางโน้นเป็นยังไงก่อน”
เขาหมายถึงเรื่องที่คนร้ายพาตัวประกันซึ่งเป็นผู้หญิงหนีไปด้วย ปารุสก์จึงหันกลับไปดูเวลาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง
“ผมจะลองติดต่อไปที่ทีมไล่ล่า”
หัสยุทธพยักหน้าเห็นด้วย คนเป็นลูกน้องจึงโทรศัพท์เข้ารถตำรวจคันที่ติดตามคนร้ายไป เขาเปิดสปีกเกอร์เพื่อให้หัสยุทธได้ยินการโต้ตอบระหว่างกันด้วย สัญญาณถูกเรียกไปไม่นานทางนั้นก็มีคนรับสาย
“ครับผม”
“หวัดดีครับ ผมจากหน่วย NIC นะ ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”
“เจอรถตำรวจที่คนร้ายขับออกมาแล้วครับ”
หัสยุทธขยับเก้าอี้เข้าไปฟังที่ลำโพงใกล้ขึ้น “คนร้ายทิ้งรถเหรอ”
“ครับ ทิ้งไว้ที่ถนนวงแหวนด้านตะวันออก”
“แล้วตัวประกันล่ะ”
“เราเพิ่งพบตัวประกันเมื่อสิบนาทีที่ผ่านมานี่เอง สภาพแย่มากครับ คล้ายกับโดนบังคับให้เดินเข้ามาในพงหญ้าข้างทางด้วย ตอนนี้เธอดูช็อก ยังให้การอะไรไม่ได้เลย รถฉุกเฉินกำลังมารับตัวไปโรงพยาบาลครับ”
หัสยุทธกับปารุสก์ถอนใจออกมาพร้อมกัน ก่อนที่ปารุสก์จะเป็นฝ่ายถามต่อ
“แล้วจับคนร้ายได้รึยังพี่”
“ยังครับ ต้องขอกำลังเสริม พื้นที่ที่คนร้ายหลบหนีเป็นทุ่งหญ้าสูงประกอบกับมีแอ่งน้ำทำให้ยากลำบากในการค้นหามากครับ แถมความมืดก็ยังเป็นอุปสรรคด้วย ตอนนี้เราขอรถปั่นไฟเข้ามาแล้ว คืนนี้สารวัตรโอบเกียรติสั่งการให้ค้นหาจนกว่าจะพบตัว อาจจะถึงเช้านะผมว่า…”
“ผมเอาใจช่วยนะพี่ แล้วจะรอติดตามข่าว”
“ขอบคุณมากครับ”
ทั้งสองฝั่งวางสายลงเกือบจะพร้อมกัน ปารุสก์ได้โอกาสจึงหันกลับมาพูดกับเจ้านายของเขาอีกครั้ง
“เจ้านายกลับไปเถอะ หาอะไรกินก่อนแล้วก็กลับบ้านซะ เดี๋ยวทางนี้พวกผมจัดการเอง”
เขาใช้เวลาคิดนิดหนึ่งก่อนพยักหน้า “ก็ได้ แล้วพรุ่งนี้เช้าผมจะเข้าไปที่นิติเวชก่อนถึงจะไปฟังรายงาน”
“โอเคครับ”
นายตำรวจร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเปิดประตูออกจากรถตู้ไป ทันทีที่เขาออกมาสูดอากาศด้านนอกเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อชั่วโมงก่อนก็ย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำเป็นฉากๆ
…ถ้าเขาเข้าชาร์จคนเจ็บเร็วกว่านี้ บางทีโจรคนนั้นอาจจะไม่ตาย…
รอยเลือดบนพื้นตอกย้ำว่าเมื่อครู่ยังมีร่างไร้ลมหายใจของคนคนหนึ่งนอนอยู่ หัสยุทธสะบัดหน้าแรงๆ สองสามครั้งแล้วกำลังจะหมุนตัวไปทางรถกระบะอีกคันของ NIC ซึ่งเขาจอดอยู่ไกลออกไป แต่ระหว่างนั้นวุฒิภาศก็เดินเข้ามาหาเขาเสียก่อน
“หัวหน้าจะกลับแล้วเหรอครับ”
“อืม นายมีอะไรรึเปล่า”
“ตำรวจช่วยตัวประกันสุภาพสตรีไว้ได้แล้วครับ”
“ผมรู้แล้ว เมื่อกี้วิทยุไปถามเจ้าหน้าที่แล้ว”
“อ้าว…” วุฒิภาศเหวอไปเล็กน้อยก่อนที่จะหาอีกข่าวมารายงาน “อีกเรื่อง…อาสคุยกับผู้บริหารของธนาคารที่โรงพยาบาลมาครับ เขาบอกว่าอยากจะพูดคุยกับตำรวจอย่างเป็นทางการเพื่อสรุปเรื่องทั้งหมด เขาจำเป็นจะต้องเสนอข่าวเพื่อให้ลูกค้าหายวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินฝากในธนาคารของพวกเขา รวมถึงชื่อเสียงของธนาคารโดยรวมด้วย”
“อืม เอาไว้ก่อน ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ แต่ถ้าพวกเขาอยากจะพูดคุยเกี่ยวกับการทำงานของตำรวจจริงให้เขาไปคุยกับไอ้โอบแทนก็แล้วกัน ผมขี้เกียจเจอคนเยอะ”
“เอ่อ ครับ”
ก็เป็นอย่างนี้ทุกครั้งจนมือขวาของเขาเริ่มชิน แล้วทีมของโอบเกียรติก็จะได้หน้าได้ตาไปเกือบทุกครั้งเช่นกัน แม้บางครั้งการทำงานของ NIC อาจจะโดดเด่นกว่าหน่วยจู่โจมมากก็ตาม
“งั้นก็ไม่มีอะไรแล้วครับ”
“เจอกันพรุ่งนี้ที่ห้องทำงาน ผมจะเข้านิติเวชก่อน”
วุฒิภาศยิ้มกว้าง “ครับ”
หัสยุทธเห็นรอยยิ้มนั้นแล้วแต่ทำไม่สนใจ เขารีบเดินไปยังรถกระบะทันที อดคิดไม่ได้ว่าเจ้าพวกนี้ชอบจับสังเกตเขากับหมอบุษอยู่เรื่อย ทั้งที่มันไม่มีอะไรมากไปกว่าความเป็นเพื่อนร่วมงานซึ่งแทบจะกัดคอกันทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากันก็เท่านั้นเอง