ชายหนุ่มเดินขึ้นบันไดมาอีกชั้น บนชั้นสามของบ้านเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขาทั้งหมด ด้านซ้ายแบ่งเป็นห้องนอนกับห้องน้ำในตัว ส่วนทางด้านขวาเปิดโล่งไว้สำหรับเป็นห้องนั่งเล่นซึ่งมีหน้าต่างกระจก ชั้นวางหนังสือ และโซฟา หากมีเวลาว่างเขามักจะใช้ชีวิตอยู่ตรงนั้น แต่ส่วนใหญ่มันไม่ค่อยมี…
หัสยุทธเข้าไปชำระล้างร่างกายก่อนเป็นอันดับแรก รู้สึกเนื้อตัวเหนียวเหนอะและอ่อนล้ามาก เมื่อได้น้ำเย็นจัดกระทบผิวความสดชื่นก็กลับคืนมาได้ไม่ยาก ไม่ถึงสิบนาทีเขาก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกจากห้องน้ำ ผมสั้นเปียกแฉะและยังมีหยดน้ำเกาะพราวทั่วตัว ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กถูกหยิบติดมือออกมาจากห้องน้ำด้วย เขาใช้มันเช็ดผมและใบหน้า เสียงโทรศัพท์มือถือซึ่งถูกวางอยู่บนเตียงดังขึ้นเบาๆ หัสยุทธรีบเดินไปรับสายทันที เขาจำเสียงเรียกเข้าได้ว่ามาจากหนึ่งในสมาชิกของ NIC อย่างแน่นอน
“ว่าไง”
“นอนรึยังครับ”
“ยัง เพิ่งถึงบ้าน มีอะไรว่ามาเลย”
เสียงถอนหายใจของวุฒิภาศดังเข้ามาในสายก่อนตอบ “คนร้ายโดนจับแล้วครับ แต่บาดเจ็บสาหัส คนของสารวัตรโอบบอกว่ามีการยิงต่อสู้”
“แล้วเจอของกลางไหม”
หัสยุทธถามถึงถุงเงินซึ่งคนร้ายนำติดตัวไปด้วย เขาค่อนข้างมั่นใจว่าคนร้ายต้องแบ่งเป็นสองถุง ถุงหนึ่งถูกผูกติดเอวคนร้ายซึ่งถูกยิงตายหน้าธนาคาร ส่วนอีกถุงก็น่าจะอยู่กับคนร้ายที่พาตัวประกันหลบหนีไปด้วย
“เจอครับ แต่ก็ต้องให้ผู้จัดการสาขาเป็นคนเข้ามาดำเนินการตรวจสอบ เรายังไม่ทราบจำนวนเงินทั้งหมดที่ถูกขโมยไป คงต้องรอให้เขาหายจากอาการบาดเจ็บแล้วออกจากโรงพยาบาลก่อน”
“อืม… แล้วนี่พวกนายกลับบ้านกันรึยัง”
“กำลังจะแยกย้ายกันกลับครับ”
“ดี ขอบใจมาก นายกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เจอกัน”
“ครับหัวหน้า”
หัสยุทธวางสายลง หากคนร้ายคนนี้เสียชีวิตลงอีกคนจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสำหรับตำรวจสืบสวน เพราะยังมีอีกเรื่องที่เขาสงสัยตั้งแต่ทีแรกแต่ยังไม่มีเวลาวิเคราะห์ นั่นก็คือผู้สมรู้ร่วมคิด เขาภาวนาให้คนร้ายรอดเพื่อจะได้ให้ปากคำกับตำรวจในคดีนี้ได้
บรรยากาศภายในห้องพักฟื้นของคนไข้ในนั้นเย็นเฉียบและเงียบสงบ หยดน้ำเกลือทิ้งตัวดิ่งลงในสายยางซึ่งถูกส่งเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ป่วยอีกทอด อิ๋วไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ตั้งแต่ถูกตำรวจพบตัวในทุ่งหญ้า เธอต้องพยายามแสดงว่าตื่นกลัวกับเหตุการณ์อย่างสุดขีด ทั้งที่น้ำตาซึ่งไหลเป็นทางนั้นมีไว้เพื่ออาลัยสามีของเธอที่ต้องหลบหนีไปเพียงลำพัง ร่างกายของเธอถูกดูแลและปรนนิบัติอย่างดีจากตำรวจและเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ลูกของเธอกับเขายังปลอดภัยดี แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความกังวลหมดไป เพราะเธอต้องพยายามหาเหตุผลมาตอบตำรวจให้ได้ว่าเธอคือใคร อาศัยอยู่ที่ไหน มีอาชีพอะไร และในเวลาที่เกิดเหตุปล้นธนาคารขึ้นนั้นเธอเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ได้อย่างไร
หญิงสาวรู้ดีว่าทุกอย่างถูกอุปโลกน์ขึ้นตั้งแต่เหตุผลของการเข้าไปในธนาคารแล้ว แต่ถ้ายังใช้เหตุผลเดิมที่ว่าเอาบัญชีธนาคารของแม่ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วมาเบิกเงินนั้นตำรวจต้องรู้แน่ว่าเธอโกหก คราวนี้เธอเองก็จะถูกขุดคุ้ยแล้วยังเรื่องของวิรุฬอีก เธอไม่รู้ว่าเขายังจะช่วยเหลือเธอกับสามีอยู่หรือไม่ เพราะตั้งแต่ตุ่นถูกยิงตาย เธอก็รู้สึกได้ทันทีว่าวิรุฬเลือดเย็นมากกว่าที่เธอเคยรู้จัก
เสียงลูกบิดประตูถูกหมุนอย่างแผ่วเบา คนที่นอนอยู่สะดุ้งน้อยๆ ก่อนที่สายตาจะปรับให้เห็นภาพชัดเจนว่าผู้ที่เดินเข้ามานั้นสวมชุดสีขาว เธอจึงลดความกังวลลงไปได้มาก
“อ้าว นอนไม่หลับเหรอคะ”
“เอ่อ ค่ะ”
“ต้องพยายามหลับด้วยตัวเองนะคะ เพราะคุณตั้งครรภ์คุณหมอเลยไม่ได้สั่งยาคลายกังวลให้ ไม่อย่างนั้นคงได้หลับด้วยฤทธิ์ยาไปแล้ว”
เธอปล่อยให้นางพยาบาลมาเช็กสายน้ำเกลืออยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยปากถาม “พรุ่งนี้ฉันจะกลับบ้านได้แล้วใช่ไหมคะ ฉันอยากกลับเร็วๆ”
“อันนี้ดิฉันก็ไม่ทราบค่ะ ต้องอยู่ในดุลยพินิจของคุณหมอ อีกอย่างเคสของคุณพิเศษหน่อยคือต้องอยู่ในความดูแลของตำรวจด้วย เพราะยังไม่ได้สอบปากคำเหมือนคนไข้อีกสองรายที่เข้ามาก่อนหน้านี้ เอาเป็นว่านอนพักให้สบายก่อนนะคะแล้วค่อยถามคุณหมออีกครั้งหนึ่ง พรุ่งนี้ประมาณสิบโมงเช้าคุณหมอก็จะเข้ามาตรวจคุณแล้วล่ะค่ะ”
เสี่ยงเกินไปที่เธอจะปล่อยเวลาให้ผ่านไปจนถึงตอนนั้น อิ๋วเฝ้ามองพยาบาลเดินออกจากห้องพักของเธอไปอย่างเงียบๆ แล้วคิดย้อนถึงคำพูดที่ว่า ‘ยังไม่ได้สอบปากคำเหมือนคนไข้อีกสองราย’
‘พนักงานธนาคารที่ถูกยิงหนึ่ง…วิรุฬอีกหนึ่ง แล้วมันจะบอกตำรวจว่ายังไง’
อิ๋วพยายามคิดถึงความเป็นไปได้ในหลายๆ ทาง มีเวลาเหลืออีกไม่กี่ชั่วโมง เธอต้องคิดแล้วตัดสินใจให้ได้ก่อนที่เวลาจะหมดลง