พจนีย์ ผู้ช่วยของบุษบงกชเดินเข้ามาหาพร้อมกับโกโก้ร้อนแก้วใหญ่ เธอวางมันไว้บนโต๊ะทำงานของหมอ ส่วนอีกมือเป็นกาแฟร้อนที่ถูกส่งต่อไปให้คนที่นั่งรออยู่ก่อนหน้า
“สารวัตรมารอตั้งแต่แปดโมงเช้าค่ะ” ผู้ช่วยรายงานพร้อมกับมองหน้าคนโน้นทีคนนี้ที
“พี่ทำงานแปดโมงครึ่ง”
“ซึ่งสายไปเกือบสิบนาทีแล้วตอนนี้”
คนที่เพิ่งจิบกาแฟไปอึกใหญ่บ่น พจนีย์เริ่มชินกับบรรยากาศระหว่างสองคนนี้แล้ว เธอเดินกลับไปที่ด้านหลังห้องทำงานซึ่งถูกแบ่งเป็นพื้นที่ครัวเล็กๆ ของแผนกนิติเวช
บุษบงกชยิ่งแกล้งทำทุกอย่างให้ช้าลง เธอนั่งบนเก้าอี้ส่วนตัวแล้วยกโกโก้ร้อนขึ้นละเลียดอย่างใจเย็น หัสยุทธอมยิ้มกับการท้าทายนั้น เขาลอบมองใบหน้าหวานแต่นัยน์ตาดุกับขนตาที่ถูกดัดและปัดให้โค้งอย่างนึกทึ่ง อดคิดไม่ได้ว่ากว่าจะออกจากบ้านคงเสียเวลากับการแต่งแต้มไปมากโข ผู้หญิงนี่ก็แปลก ทำงานกับศพแท้ๆ แต่ชอบแต่งตัวสวย ใครจะมาเห็นหรือชื่นชมก็คงเป็นเรื่องยาก
“คุณได้รับข้อความแล้วใช่ไหม”
บุษบงกชเหลือบตาขึ้นมามองเขา “เรื่องไหนล่ะ ฉันได้รับข้อความเยอะแยะไปหมด มีส่วนลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์จากเคาน์เตอร์เครื่องสำอางด้วยนะ แต่มันหมดเขตสิ้นเดือนนี้ นี่ยังคิดไม่ตกเลยว่าจะเอาเวลาที่ไหนไปช็อปปิ้ง”
หัสยุทธเริ่มหมั่นไส้กับความไม่รู้ร้อนรู้หนาวของแพทย์หญิงตรงหน้า นี่ถ้าเป็นผู้ชายเขาคงเข้าไปตบศีรษะแล้วจับมาเขย่าตัวเสียให้เข็ด นายตำรวจสูดหายใจลึกก่อนร่ายยาว
“คนร้ายสองคนปล้นธนาคารเมื่อเย็นวาน มันจับพนักงานกับลูกค้าเป็นตัวประกันอยู่ข้างในหลายชั่วโมง มีคนถูกยิงหนึ่งคน เสียเลือดมากจนต้องมีการเจรจาให้แลกคนเจ็บกับรถยนต์…”
พจนีย์ถือจานใส่แครกเกอร์มาวางตรงหน้าบุษบงกชกับหัสยุทธ แล้วยืนฟังเหตุการณ์ด้วย
“ระหว่างที่มีการลำเลียงคนเจ็บออกมา คนร้ายใช้ตัวประกันคนหนึ่งเป็นโล่กำบังเพื่อที่จะมายังรถ แล้วก็เกิดการชุลมุนขึ้นในที่สุด คนร้ายถูกวิสามัญหนึ่งคน ส่วนอีกคนก็หนีไปพร้อมตัวประกันซึ่งเป็นผู้หญิง”
บุษบงกชแทะมุมแผ่นแครกเกอร์ทีละมุมจนทุกมุมกลายเป็นรอยฟัน หัสยุทธเล่าต่อ
“แล้วคนร้ายที่เสียชีวิตก็ถูกส่งมาให้คุณชันสูตร…จบ”
“ความจริงคุณไม่ต้องเสียเวลามานั่งเล่าให้ฉันฟังก็ได้นะ ฉันอ่านหนังสือออก ส่วนใหญ่ตำรวจมักจะเขียนรายงานสั้นๆ แนบมาด้วยอยู่แล้ว”
“ก็อยากมาเล่าเอง”
จู่ๆ ก็เกิดสูญญากาศขึ้นในห้องชั่ววินาทีก่อนที่ทุกอย่างจะเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อพจนีย์หันกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ห้องทำงานขนาดเล็กนี้จุโต๊ะทำงานสองตัว ตู้เอกสาร ตู้หนังสือ เก้าอี้รับแขก ตู้เย็นเล็กๆ กับพื้นที่สำหรับวางของว่างไว้เท่านั้น ส่วนห้องที่ใช้ทำงานจริงๆ ของหมอบุษบงกชกับผู้ช่วยของเธอนั้นอยู่ในห้องกระจกถัดออกไป เสียงแกล้งถอนใจของคุณหมอทำลายความเงียบลง
“เอาล่ะ งั้นก็รับทราบ ฉันขอจัดการอาหารเช้าของตัวเองก่อนแล้วจะเริ่มทำงาน”
หัสยุทธไม่ได้แตะแครกเกอร์สักชิ้น เพราะต้มจับฉ่ายกับข้าวสวยเข้าไปรอกาแฟร้อนอยู่ในกระเพาะอาหารของเขาตั้งแต่เช้าแล้ว นายตำรวจจึงดื่มกาแฟฝีมือการชงของพจนีย์จนหมดก่อนที่จะลุกขึ้นยืน
“กาแฟห้องนี้อร่อยที่สุด นี่เป็นเหตุผลที่ผมต้องมาบ่อยๆ ขอบใจมากนะพจ”
“ค่า ยินดีเสมอเลยค่ะสารวัตร แล้วมาอีกนะคะ”
สาวร่างเล็กจิ๋วที่ทำงานคล่องแคล่วเหลือหลายยิ้มกว้างตอบเขา หัสยุทธพยักหน้าให้ก่อนที่จะเหลือบสายตาไปมองคนที่กำลังจะยกแก้วโกโก้ขึ้นดื่ม
“แล้วจะรอผลการชันสูตร”
บุษบงกชยกแก้วขึ้นสูงจากระดับสายตาของเธอคล้ายเป็นการชวนเฉลิมฉลอง หัสยุทธทิ้งสายตาเฉยชาให้ก่อนเดินออกจากห้อง พจนีย์รอให้บานประตูปิดลงแล้วจึงลุกจากเก้าอี้ของตน เธอเดินมาที่โต๊ะทำงานของบุษบงกช
“ความจริงโทรมาก็ได้เนอะ”
คุณหมอเหลือบตาขึ้นมองผู้ช่วยร่างเล็ก “ก็เขาบอกเองนี่ว่าจะมากินกาแฟฝีมือเธอ”
“ข้ออ้างมากกว่า อาจจะอยากเห็นหน้าใครบางคน”
บุษบงกชยักไหล่ “พี่ไม่ชอบทายใจใคร เห็นหน้าก็เซ็งแล้ว ผู้ชายอะไรปากเสีย คุยด้วยทีไรอารมณ์เสียทุกที ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าใช้ปากเป็นอาวุธ เขารอดมาจากการเจรจากับคนร้ายได้ยังไง ถ้าพี่เป็นคนร้ายแล้วเจอตานี่นะ พี่จะยิงเขาก่อนตัวประกัน”
พจนีย์หัวเราะลั่นแล้วเดินไปเก็บแก้วกาแฟกับจานแครกเกอร์กลับไปไว้ในครัวเล็กๆ ของเธอ หลังจากนี้ทั้งหมอบุษและตัวเธอเองอาจจะไม่มีเวลากินอะไรอีกเลยจนกว่างานจะเสร็จ
(ติดตามต่อวันที่ 26 ก.ค. 62)