ทดลองอ่าน เจรจาต่อ-ตาย ตอน ราคะ บทที่ 4-บทที่ 6 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

LOVE

ทดลองอ่าน เจรจาต่อ-ตาย ตอน ราคะ บทที่ 4-บทที่ 6

“รู้ไหมว่าทำไมมันพูดถึงระยะสามเมตรที่ไม่ยอมให้เราเข้าใกล้”

“ถ้าใกล้กว่านั้นมันจะรู้สึกไม่ปลอดภัยเหรอครับ” วุฒิภาศตอบในลักษณะของการถามกลับ

“อาจจะใช่ มันคงเป็นระยะที่ผู้ร้ายรู้สึกปลอดภัยถ้าตำรวจจะอยู่ห่างมันสามเมตร แต่มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือตัวเลขนี้อาจจะอยู่ในจิตใต้สำนึกของมัน ในเวลาที่ถูกบีบให้ตัดสินใจมันจึงพูดออกมา”

“สามเมตร…” วุฒิภาศพยายามคิดว่าระยะสามเมตรหรือเลขสามนั้นจะมีความสำคัญอย่างไรบ้าง ไม่นานเขาก็ทำตาโต “ระยะที่ทรงประสิทธิภาพของปืนเหรอครับ”

หัสยุทธยิ้มมุมปากนิดเดียว “ถูก ปืนของพวกมันอาจจะทำงานได้ดีในระยะนั้น ห่างไปกว่านั้นมันจะไม่สามารถควบคุมทิศทางตามที่ต้องการได้”

“แต่…แล้วทำไมมันไม่อยากให้เราเข้าไปล่ะครับ ถ้าเข้าไปใกล้มันจะยิงได้ถนัดกว่าไม่ใช่เหรอ ผมไม่เข้าใจ”

“พวกมันไม่ได้อยากยิงตำรวจหรอก นั่นเป็นระยะที่มันคิดจะควบคุมตัวประกันต่างหาก”

“หัวหน้าคิดอย่างนั้นเหรอครับ”

“อืม งานนี้มันพกปืนประกอบขึ้นเองมาปล้น นายคิดว่ามันจะกล้าดวลปืนกับตำรวจงั้นเหรอ ดูท่าทางเหตุการณ์จะไม่เป็นอย่างที่พวกมันวางแผนไว้ ตอนนี้เลยเป็นการตกกระไดพลอยโจนไปแล้ว จากการเจรจาเมื่อครู่มันคงกำลังรู้สึกเสียเปรียบเราอยู่ คราวนี้ก็ได้แต่รอให้เราพลาดเพื่อที่จะตอบโต้กลับ จากนั้นมันจะโยนความผิดให้เราทันทีว่าทุกการกระทำของมันเป็นผลมาจากการผิดสัญญาของเรา เพราะฉะนั้นต้องระวังทุกฝีก้าว ฟ้าก็มืดลงทุกที…”

หัสยุทธเห็นรถพยาบาลกำลังกลับรถหันด้านหลังมาทางเขา และคนขับก็ค่อยๆ เคลื่อนมันมาจอดด้านหน้ารถกระบะ

“บอกอาสให้คนขับรถพยาบาลปิดไฟให้หมด”

ไม่ถึงห้าวินาทีรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลก็ปิดไฟหน้าและไฟเหนือหลังคารถ เหลือเพียงไฟถอยหลังเท่านั้นที่ยังส่องแสงสีแดงนำทางอยู่ เมื่อรถฉุกเฉินมาจอดปิดด้านหน้ารถกระบะเรียบร้อยแล้ว หัสยุทธก็ลงจากรถเป็นครั้งแรก เขาเดินไปที่ประตูคนขับซึ่งตอนนี้ถูกเลื่อนกระจกลงช้าๆ อาสดานั่งอยู่ที่เบาะด้านข้างคนขับรถนั่นเอง

“มันจะปล่อยคนเจ็บออกมาพร้อมตัวประกันอีกสองคน ไม่ต้องให้ใครเดินไปรับ รออยู่ที่รถจนกว่าตัวประกันทุกคนจะเดินมาถึง พาพวกเขาขึ้นรถแล้วพาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล อาส…”

“ครับ”

“นายตามไปโรงพยาบาลด้วย แล้วสอบสวนตัวประกันอีกสองคนได้เลย”

“ครับผม”

หัสยุทธพยักหน้า เขากำลังจะเดินกลับขึ้นรถอีกครั้ง แต่โอบเกียรติกระโดดลงจากกระบะหลังมาดักทางไว้เสียก่อน

“นายเชื่อใจพวกนั้นได้ไงว่ามันจะไม่ยิงสวนออกมา”

“ถ้านายไม่เชื่อก็เล็งปืนรอได้เลย แต่ฉันว่าไม่คุ้ม เพราะถ้านายยิงเข้าไปอาจโดนตัวประกันคนอื่น”

โอบเกียรติถอนใจ เขาไม่ได้กลับขึ้นไปประจำบนตำแหน่งเดิม กลับรออยู่ด้านหน้ารถกระบะเพื่อมองทะลุกระจกรถพยาบาลไปยังประตูของธนาคาร ส่วนหัสยุทธยื่นหน้าเข้าไปในรถกระบะเพื่อคุยกับวุฒิภาศอีกครั้ง

“ถ้าพวกมันมีความมั่นใจว่าจะปล้นธนาคารได้ด้วยปืนที่ประกอบขึ้นเอง นายคิดว่ามันจะเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหน”

สายตาของวุฒิภาศมุ่งมั่นก่อนตอบ “คนในธนาคารครับ”

“อืม หาให้เจอว่าเป็นใคร”

 

คนในธนาคารต่างก็เห็นแล้วว่าด้านหน้ามีรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลจอดรออยู่ ดวงตาของตัวประกันทุกคนมีความหวังว่าตนจะได้ออกไปจากที่นี่ แต่ดูเหมือนคนที่มีหน้าที่ตัดสินใจว่าเหตุการณ์จะดำเนินต่อไปอย่างไรไม่ได้คิดเช่นนั้น โอ่งไม่ชอบใจเลยที่มองไม่เห็นรถกระบะอยู่ในสายตาแล้ว ตุ่นขยับเข้ามาใกล้หัวหน้าของมันแล้วถามเบาๆ

“มันจะทำอะไร”

“แบบนี้เราจะขึ้นรถลำบาก ต้องให้ตำรวจเอารถกระบะมาจอดหน้ารถพยาบาล แล้วเราค่อยออกไปพร้อมคนเจ็บกับตัวประกันตามที่ตกลงกับมันไว้”

“พี่คิดอย่างนั้นเหรอ”

“ใช่ เอ็งไปพยุงคนเจ็บให้ลุกขึ้นซิ”

“จ้ะ”

ตุ่นเหน็บปืนของตัวเองไว้ที่ขอบกางเกงยีนแล้วเดินไปตรงกลุ่มตัวประกัน ส่วนโอ่งเดินเข้าไปที่เก้าอี้แล้วปลดพันธนาการของ รปภ. และแม่บ้านออก คนทั้งคู่ตัวสั่นระริกและคงไม่คิดจะต่อสู้ ต่างก็คลำข้อมือของตนเองเพื่อสำรวจรอยบาดจากกุญแจมือ

“มานี่”

โอ่งกวักมือเรียกคนทั้งคู่ให้เดินออกมาจากกลุ่ม แม่บ้านดูจะหวาดกลัวมากกว่าคนเจ็บและ รปภ. เมื่อตุ่นพยุงพนักงานหญิงให้ยืนขึ้นและกึ่งประคองกึ่งลากมาตรงกลางห้องเพื่อสมทบกับโอ่งและตัวประกันอีกสองคนแล้ว มันจึงหยิบปืนที่เหน็บไว้ขึ้นมาถือเหมือนเดิม

“มาแล้วพี่ ท่าทางจะไม่ไหว”

“ให้แม่บ้านกับ รปภ. พยุงคนเจ็บไว้ แล้วเอ็งไปเอาผู้หญิงคนนั้นมา เราจะพาขึ้นรถไปด้วยกัน”

โอ่งชี้มือไปทางสุภาพสตรีคนเดิมที่มันเคยพาเธอหนีไปทางด้านหลังของธนาคาร หญิงคนนั้นหันมองคนรอบข้างคล้ายกับจะขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครสบตากับเธอเลยนอกจากผู้จัดการสาขา วิรุฬถูกมัดติดกับเธอ ดังนั้นเมื่อตุ่นจะแกะเชือกก็จำเป็นต้องแกะปมที่ผูกคนทั้งคู่ออกด้วย

“เอาฉันไปแทน” วิรุฬพูด

“ไม่! แกไม่มีสิทธิ์ต่อรอง” โอ่งขู่

แล้วในจังหวะที่เชือกถูกปลด วิรุฬก็คลั่งขึ้นมาอีกครั้ง เขาลุกขึ้นยืนแล้วโถมตัวเข้าหาโอ่ง ตุ่นตกใจจนเกือบจะลั่นไกใส่เขา แต่ในเสี้ยววินาทีที่วิรุฬไปถึงตัวโอ่ง มันก็ใช้แขนตวัดล็อกคอเขาได้ทันท่วงที

“อย่าเพิ่งยิง! เปลืองกระสุน”

“พี่ไหวไหม” ตุ่นถาม

“ไหว เอ็งคุมคนไว้ ใครตุกติกยิงแม่ง เดี๋ยวกูจะเอาไอ้นี่ไปจัดการให้มันเชื่องก่อน”

พูดจบแล้วโอ่งก็ลากตัวผู้จัดการสาขาร่างอ้วนเข้าไปตรงบริเวณห้องครัวด้านหลัง เสียงพนักงานธนาคารร้องลั่นเพราะกลัวว่าเขาจะทำร้ายผู้จัดการของตน แต่โอ่งไม่สนใจ เมื่อลากวิรุฬไปถึงห้องน้ำแล้วมันก็ปิดประตู ไฟในห้องน้ำถูกเปิดขึ้น แขนแข็งแกร่งปล่อยลำคออวบนั้นให้เป็นอิสระ ใบหน้าที่มีเลือดแห้งเกรอะกรังซึ่งสะท้อนอยู่ในกระจกมองตรงมายังเงาสะท้อนที่อยู่ด้านหลังของเขา

“มึงผิดสัญญาทุกอย่าง ไอ้ห่า…”

คนด้านหลังซึ่งสูงกว่ายืนนิ่ง แววตาไม่อ่อนลงแต่ก็ไม่กร้าวเหมือนเมื่อตอนอยู่ด้านหน้าธนาคาร

“มึงปล่อยให้ลูกน้องมึงทำร้ายกู”

“มันเลยเถิดน่า ฉันห้ามไม่ทัน ก็นายบอกเองว่าไม่ให้ฉันบอกลูกน้องเรื่องนี้”

“แล้วมึงว่าคนอย่างไอ้นั่นมันจะเก็บความลับได้ไหม” วิรุฬกัดฟันพูดแล้วเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างคราบเลือดอย่างลวกๆ “มึงทำให้เรื่องมันบานปลายแล้วจะทิ้งกูไปง่ายๆ ไม่ได้ พวกมึงต้องเอากูไปด้วย แล้วค่อยไปปล่อยไว้ที่ไหนก็ได้ กูจะเบี่ยงเบนความสนใจของตำรวจให้เอง”

โอ่งพยักหน้าช้าๆ

“แล้วถ้ามีใครสักคนต้องตาย” วิรุฬถ่มน้ำลายลงไปในอ่าง กลิ่นคาวเลือดติดอยู่ในปากเขาซึ่งคงมีบาดแผลสักแห่งในนั้น “ก็ต้องเป็นลูกน้องมึง”

ดวงตาที่เคยกร้าวไหวระริก แต่มันก็เป็นแค่ชั่วพริบตาเดียว เขารับทำงานใหญ่นี้มาแล้วไม่มีทางที่จะถอยกลับ

Comments

comments

Continue Reading

More in LOVE

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com