บทที่ 7
หัสยุทธมาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติราวเก้านาฬิกาเศษ เขาตรงไปยังห้องทำงานของ NIC ทันที และสมาชิกทุกคนก็รอเขาอยู่ในนั้น นายตำรวจท่าทางเคร่งขรึมโยนเสื้อแจ็กเก็ตของตัวเองพาดเก้าอี้พนักงานสูงไว้แล้วเดินมานั่งที่โต๊ะประชุมกลางห้อง บนโต๊ะนั้นมีตัวหนังสือเขียนไว้มากมาย เขาเริ่มลากสายตาอ่านและตรวจทานทุกอย่างบนนั้น เพื่อเป็นการรอเวลาให้ทีมเตรียมข้อมูลมาสรุปและรายงานความก้าวหน้าของคดี
ปารุสก์เซ็ตคอมพิวเตอร์ทุกตัวของเขาให้พร้อมใช้งาน ภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคารอยู่ในเครื่องหนึ่ง ภาพจากกล้องบนหลังรถตู้ของ NIC อยู่อีกเครื่องหนึ่ง ส่วนจอสุดท้ายเป็นภาพนิ่งซึ่งรวบรวมมาจากหน่วยพิสูจน์หลักฐานที่ได้ทำงานกันมาตั้งแต่เมื่อคืนวาน
วุฒิภาศรวบเอกสารบนโต๊ะพร้อมกับแนบสมุดบันทึกติดมือมาด้วย เขาขยับจากเก้าอี้ของตัวเองมานั่งอยู่ไม่ไกลจากหัสยุทธ ส่วนอาสดามีท่าทีง่วงงุนมากที่สุด คงเพราะเมื่อคืนเขาต้องสอบปากคำพนักงานธนาคารที่ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจนดึก เมื่อทุกคนพร้อมหัสยุทธก็ออกคำสั่ง
“ดูกล้องวงจรปิดของธนาคารก่อน”
“ครับ” ปารุสก์ขยับตัวเพื่อสั่งงานคอมพิวเตอร์ “เริ่มจากก่อนที่คนร้ายคนแรกจะเข้าไปในธนาคารประมาณห้านาทีนะครับ”
“แล้วก่อนหน้านั้นไม่มีอะไรน่าสงสัยเลยเหรอ” หัสยุทธถาม
“ผมไม่เห็นนะ ทุกอย่างปกติ ด้านหน้าธนาคารก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย คนร้ายปรากฏในวิดีโอครั้งแรกก็คือเดินเข้ามาธรรมดาๆ นี่เลยครับ”
“ไม่เห็นยานพาหนะ”
“ครับ ไม่เห็น”
ทุกคนหยุดพูดเมื่อจอคอมพิวเตอร์ปรากฏภาพคนร้ายคนแรกเข้ามาในธนาคาร นั่นก็คือโอ่งนั่นเอง ทีม NIC ทั้งสี่ตั้งใจดูภาพนั้น แล้วต่างก็มีความคิดแยกไปตามมุมมองและประสบการณ์ของแต่ละคน หัสยุทธจับตาดูที่โอ่งตลอดเวลา เขาจำเสื้อลายสก็อตของคนร้ายได้
“รับโทรศัพท์เหรอ” เขาถามขึ้นเมื่อเห็นคนร้ายใช้โทรศัพท์มือถือ
“ครับ ผมคิดว่าเป็นการส่งสัญญาณระหว่างกัน” วุฒิภาศบอก
“ถ้าส่งสัญญาณให้พรรคพวกมันน่าจะเกิดจากคนที่เข้ามาคนแรกส่งสัญญาณไปให้คนที่สอง เพื่อตามเข้ามาในธนาคารไม่ใช่เหรอ แล้วนี่ทำไมคนแรกถึงเป็นฝ่ายรับโทรศัพท์ล่ะ”
วุฒิภาศหาคำตอบมาตอบไม่ได้ เขาจึงเงียบแล้วรอดูเหตุการณ์ต่อไป ทุกคนเห็นโอ่งเดินไปนั่งรอเรียกคิวที่เก้าอี้ เห็นตุ่นเดินเข้ามา ตัวประกันที่ถูกโอ่งพาตัวออกไปจากที่เกิดเหตุกำลังมีปัญหา ผู้จัดการสาขาออกมาจากห้องทำงานของเขา โอ่งไปที่หน้าเคาน์เตอร์แล้วเหตุการณ์จับทุกคนเป็นตัวประกันก็เกิดขึ้นหลังจากนั้น
“หยุด” หัสยุทธสั่งให้หยุดเทป “ตัวประกันผู้หญิงคนนั้นให้ปากคำแล้วรึยัง”
“ยังครับ เมื่อวานหลังจากที่ตำรวจตามคนร้ายไปจนพบรถและตัวประกัน เธอก็ถูกส่งตัวมาตรวจสุขภาพอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล ทารกในครรภ์ปลอดภัยดี แต่แพทย์สั่งไว้ว่าการสอบปากคำต้องเกิดขึ้นหลังจากแพทย์อนุญาตเท่านั้นครับ คนในทีมของสารวัตรโอบบอกว่าเธอร้องไห้หนักมากตอนที่ตำรวจไปพบเธอในพงหญ้าข้างทางด่วน คงจะเสียขวัญมาก”
“อื้ม เปิดต่อ”
เหตุการณ์หน้าเคาน์เตอร์ดำเนินต่อไปด้วยความวุ่นวายก่อนที่พนักงานหญิงจะถูกยิงที่หัวไหล่ จากนั้นไม่นานกล้องวงจรปิดหลังเคาน์เตอร์ก็ถูกยิงจนจอภาพดับวูบลง ปารุสก์กำลังจะเปิดภาพในกล้องถัดไปแต่ถูกขัดจังหวะเสียก่อน
“เดี๋ยว ขอดูภาพก่อนจะยิงกล้องวงจรปิดอีกครั้งซิ” ปารุสก์ทำตามคำสั่ง หัสยุทธดูภาพแล้วกอดอกแน่น “ไม่ลังเล ไม่ตื่นตระหนก”
“ตั้งใจไว้แล้วเหรอครับ” อาสดาถาม
“อืม ถ้าตั้งใจ และมั่นใจขนาดนี้ก็แสดงว่ารู้ตำแหน่งของกล้องวงจรปิดดี น่าจะรู้ก่อนเข้ามาในธนาคารด้วยซ้ำ เพราะระหว่างที่นั่งรอเรียกคิวมันไม่กระสับกระส่ายหรือคอยมองหาตำแหน่งของกล้องเลย ไม่มีจังหวะไหนที่มองมาทางกล้องด้วยซ้ำไป”
ลูกน้องทั้งสามคนจ้องมองผู้บังคับบัญชาของตนด้วยความรู้สึกทึ่ง
“เจ้านายจะดูจากกล้องหน้าประตูต่อเลยไหมครับ” ปารุสก์ถาม
หัสยุทธพยักหน้าแล้วดูภาพเคลื่อนไหวจากอีกกล้อง ซึ่งคนร้ายคนที่สองก็ทำในสิ่งที่ไม่แตกต่างกัน
“พวกนายเห็นไหม ดูเหมือนจะเป็นการยิงปืนขู่ให้ตัวประกันกลัว แต่ทุกครั้งที่ยิงกลับตรงเป้าหมาย ได้ผลทุกครั้ง พวกมันวางแผนทุกอย่างมาเป็นอย่างดี และรู้ตำแหน่งของกล้องสำคัญๆ ในธนาคารด้วย”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของหัสยุทธ เมื่อการดูวิดีโอเทปผ่านไป หัวหน้าหน่วย NIC ก็มุ่งไปที่ประเด็นเรื่องอื่น เขาหันไปทางอาสดา
“คนเจ็บเป็นยังไงบ้าง”
“ปลอดภัยทั้งสองคนครับ มีการสอบปากคำไปบ้างเล็กน้อย แต่ทางพนักงานสอบสวนบอกว่าต้องลงรายละเอียดอีกมาก ซึ่งต้องรอให้คนเจ็บมีอาการดีขึ้นกว่านี้ และหมออนุญาตน่ะครับ”
“อืม…” หัสยุทธเคาะนิ้วกับโต๊ะเป็นจังหวะ คล้ายกับกำลังใช้ความคิด “เราคิดถูกที่คนร้ายมีสองคน แต่จากพฤติกรรมของพวกมันผมเชื่อว่ายังมีผู้สมรู้ร่วมคิดแฝงตัวอยู่ในนั้น ซึ่ง ณ เวลานี้พวกเขาก็ถูกปล่อยตัวออกมาจากธนาคารแล้วทั้งหมด เพราะฉะนั้นเราต้องพยายามหาหลักฐานว่าใครหรืออะไรที่ทำให้คนร้ายสามารถกระทำการปล้นธนาคารได้ง่ายขึ้น”
“อาวุธปืนน่าจะพอบอกเราได้นิดหน่อยครับ” วุฒิภาศกล่าว
“ว่ามา”
วุฒิภาศนำภาพปืนที่พิมพ์ออกจากเครื่องพิมพ์เมื่อครู่มายื่นให้หัสยุทธ