บทที่ 2 มีพิรุธ
ปฐวียังไม่ทันจะเริ่มลงมือปูที่นอนของตัวเองก็ได้ยินเสียงหญิงสาวเดินกระแทกส้นเท้าตามเข้ามาในห้อง ก่อนจะหยุดกึกแล้วมองเลยไปที่เตียงไม้ขนาดห้าฟุตซึ่งมีผ้าห่มถูกเลิกเอาไว้ครึ่งๆ กลางๆ ของชายหนุ่มอย่างประเมิน
‘นั่นเตียงพี่เหรอ’
ปฐวีหันไปมองตามสายตาของน้ำหนึ่ง คิดในใจว่า ไม่น่าถาม ก็เห็นกันอยู่ทนโท่ หากปากก็เพียงแต่ตอบรับไปสั้นๆ เพราะง่วงเกินกว่าจะมีอารมณ์มากวนประสาทอีกฝ่าย
‘ใช่’
น้ำหนึ่งเดินไปยืนอยู่หน้าเตียง พินิจพิจารณาอยู่เป็นครู่ถึงได้ยอมยอบตัวลงนั่ง ทำเอาปฐวีต้องเกาศีรษะแกรกๆ อย่างหงุดหงิดใจว่าเมื่อไหร่หญิงสาวจะนอนได้เสียที
‘หรือจะให้ผมพาไปส่งโรงแรมสักที่ แต่ดึกป่านนี้คง…’ พูดถึงตรงนี้ปฐวีก็ชะงักกึกไปเหมือนนาฬิกาถ่านหมด ทำให้น้ำหนึ่งต้องขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
จริงด้วย! นี่เขาลืมโฮสเทลของลุงนาเมืองไปได้อย่างไรกัน
‘คงไม่มีที่ไหนเปิดหรอกใช่ไหมล่ะ แค่นี้ก็ทำเป็นนึกไม่ออก’
‘ไม่ใช่ ผมไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้นหรอกน่ะ ผมแค่กำลังคิดว่าถ้าคุณหนึ่งไม่อยากไปโรงแรมเพราะไม่ไว้ใจว่าจะมีคนเห็นหรือเปล่า ผมก็มีทางเลือกอื่นให้นอกจากการต้องทนอยู่บ้านของผมที่ไม่สะดวกสบายอะไรสักอย่างเดียว’
ทว่าน้ำหนึ่งกลับไม่แม้แต่จะฟังเหตุผลของชายหนุ่ม ยืนกระต่ายขาเดียวว่าเธอจะต้องอยู่ที่นี่เท่านั้น
‘ไม่ ยังไงหนึ่งก็ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น’
‘นอกจากผม…คนที่คุณหนึ่งเคยเจอครั้งล่าสุดเมื่อสองปีที่แล้วอย่างนั้นน่ะเหรอ’
ท่าทีหยิ่งทะนงของสาวสวยดูเหมือนจะอ่อนลงนิดหน่อยเมื่อได้ยินประโยคนั้น ปฐวีจึงไม่รอช้า รีบเสริมต่ออย่างไม่ให้ขาดตอนว่า ‘ผมมีญาติทำธุรกิจโฮสเทลอยู่ในอำเภอเดียวกันนี้แหละ ลุงเมืองน่ะ…ถ้าคุณหนึ่งยังจำได้ ผมรับประกันว่าจะพาคุณหนึ่งไปซ่อนตัวอย่างเงียบๆ จนกว่าคุณพีทจะจับเจ้าสตอล์กเกอร์คนนั้นได้ จะไม่มีใครรู้แน่ว่าคุณหนึ่งอยู่ที่นั่น’
‘ไม่…ในเมื่อพี่พีทบอกว่าอยู่ที่นี่แล้วปลอดภัย หนึ่งก็จะไม่ย้ายไปไหนทั้งนั้น’
ปฐวีถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจเมื่อคำหว่านล้อมของเขาใช้ไม่ได้ผล ไม่นึกเลยว่าเวลาที่ห่างเหินกันไปชั่วไม่กี่ปีนั้น น้ำหนึ่งจะสนิทสนมกลมเกลียวกับพีรัชมากขึ้นถึงขนาดนี้
‘โอเคๆ ถ้าอย่างนั้นก็นอนก่อนเถอะครับ ผมง่วงเต็มทีแล้ว’
น้ำหนึ่งจึงขยับตัวลงนอนอย่างจำใจ ขณะปฐวีก็รีบปูที่นอนของตัวเองเพื่อจะได้นอนต่อเสียที ส่วนเรื่องน่าปวดหัวทั้งหลายเอาไว้ค่อยคิดทีหลังพรุ่งนี้
และนั่นก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนที่ผ่านมา
แต่…แค่คืนเดียวน้ำหนึ่งก็ยังมาสร้างความวุ่นวายให้เขาได้มากขนาดนี้ ปฐวีไม่อยากจะคิดว่าถ้าหญิงสาวอยู่ต่อไปอีกหลายวัน มันจะต้องยุ่งเหยิงขึ้นอีกแค่ไหน
ระหว่างที่กำลังนั่งกลุ้มใจอยู่นั่นเอง ก็มีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านพอดี ยังไม่ทันที่ปฐวีจะกระเด้งตัวลุกออกไปดูก็เห็นน้ำหนึ่งชะโงกหน้ามาจากราวบันไดเสียก่อน
“พี่วี มีรถใครมาก็ไม่รู้!”
ปฐวีรีบกระหืดกระหอบเดินออกไปดูที่หน้าบ้านทันที นึกบ่นอยู่ในใจว่าร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นจะมีใครแวะเวียนมาหานัก พอจะมีก็ดันมาเอาตอนนี้เสียอีก
แต่พอเห็นว่าคนที่มาเป็นนฤมล ปฐวีก็ค่อยโล่งอกด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่เคยมานานอยู่แล้ว เนื่องจากต้องรีบกลับไปดูแลโฮสเทล ทั้งยังมีภาระเป็นลูกสาววัยกำลังน่ารักน่าชังอยู่อีกทั้งคน
“อ้าว…มลนี่เอง ทำไมวันนี้ขับรถมาที่นี่ได้ล่ะ”
ชายหนุ่มเอ่ยทักลูกพี่ลูกน้องสาวที่กำลังก้าวลงมาจากรถพร้อมกับถุงกระดาษในมือ นฤมลจึงฉีกยิ้มแทนคำทักทายพร้อมกับบอกว่า “ขับรถผ่านมาทางนี้พอดีก็เลยเอาของกินมาฝากวีน่ะ”
“โธ่ ไม่เห็นต้องลำบากเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก นานๆ ทีจะได้มีเวลาขับรถออกจากบ้าน ก็อยากจะแวะมาดูบ้านวีมั่ง”
หญิงสาวหันไปปิดประตูรถแล้วถือถุงกระดาษเดินเข้าไปในบ้านอย่างคนคุ้นเคย แต่เพราะวันนี้ปฐวีรู้ดีว่าบ้านเขาไม่ปกติจึงรีบวิ่งตามเข้าไปติดๆ