โฮสเทลของนาเมืองเป็นอาคารไม้สองชั้นขนาดค่อนข้างเล็ก ตกแต่งสไตล์ลอฟต์ อาคารห้องพักและล็อบบี้วางตัวในแนวตั้งฉากกันเพื่อล้อมรอบลานตรงกลางซึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมไว้
ส่วนร้านอาหารจะอยู่ตรงกลางระหว่างอาคารห้องพักและล็อบบี้ ทำผนังเลียนแบบกำแพงอิฐดิบและเพิ่มกลิ่นอายแบบวินเทจด้วยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ ขณะบนเพดานมีพัดลมไฟทำจากไม้ทรงโมเดิร์นแขวนประดับอยู่
ทันทีที่ปฐวีเดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงพูดคุยจอแจดังแว่วมาจากบรรดาแขกที่มาพัก จากพื้นที่เปิดโล่งตรงนั้นจะสามารถมองเห็นเทือกเขาสีน้ำเงินครามแผ่ตัวกว้างอยู่ใต้ท้องฟ้า ชายหนุ่มยิ้มให้กับแขกสองคนที่นั่งเล่นอยู่บนม้านั่งบริเวณลานตรงกลางซึ่งปูด้วยหินกาบและเว้นบางส่วนไว้ให้หญ้าสีเขียวขึ้น
ปฐวีก้าวยาวๆ ไปทางประตูด้านหลังของร้านซึ่งเป็นทางเข้าประจำของเขาอยู่แล้ว แต่เนื่องจากพื้นที่ข้างในเกินครึ่งเต็มไปด้วยวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร ห้องกว้างจึงดูแคบไปถนัดใจ และทำให้ปฐวีต้องก้าวเท้าผ่านไปด้วยความระมัดระวัง
ขณะนั้นนฤมลก็เปิดประตูเข้ามาจากหน้าร้านพอดี จึงเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเห็นปฐวีโผล่เข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“อ้าววี ทำไมมาถึงร้านได้ล่ะ มีอะไรหรือเปล่า หรือจะเกี่ยวกับที่มลแวะไปหาแต่เช้า”
“เปล่า ไม่มีอะไร” ปฐวีรีบปฏิเสธก่อนนฤมลจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ “แค่ว่างๆ ก็เลยอยากมาช่วย”
“ดีจริง เห็นปกติวีทำตัวยุ่งอยู่ตลอดเลย”
“มลไปพักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวผมดูต่อให้สักสองสามชั่วโมงค่อยกลับแล้วกัน”
“อืม…ก็ดีเหมือนกัน น้องนุ่นก็ทำท่าจะไม่สบายมาตั้งแต่เช้าละ ว่าจะแวะไปดูสักหน่อย” นฤมลพูดถึงลูกสาวตัวน้อยอย่างเป็นกังวล “นี่ก่อนออกไปทำงานพ่อน้องนุ่นเขาก็กำชับนักหนาว่าถ้าลูกไม่ดีขึ้นก็ให้รีบโทรบอก จะได้มารับไปหาหมอ”
“ถ้าอย่างนั้นก็พอดีเลย เดี๋ยวผมดูร้านให้ มลไปดูน้องนุ่นเถอะ ไม่ต้องห่วง”
“จ้ะ ขอบใจนะวี”
ตอนนฤมลเดินออกไปจากหลังร้านก็ราวๆ เก้าโมงครึ่งแล้ว ถ้านับเวลารวมกับตอนที่เขาขับรถออกจากบ้านไปซื้อของก็น่าจะเกินชั่วโมงไปแล้วแน่ๆ
ฮึ…ป่านนี้คุณหนูน้ำหนึ่งคงชะเง้อคอคอยแล้วคอยอีก แต่เดี๋ยวทนรอไม่ได้ก็คงจะโทรมากรี๊ดใส่เอง
ปฐวีนึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ
ถ้าน้ำหนึ่งคิดจะแกล้งคนอย่างเขาล่ะก็ มันยังเร็วไปอีกร้อยปี!
ทว่าชายหนุ่มก็สบายใจอยู่ได้ไม่นานนัก เพราะผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มีข้อความดังแจ้งเตือนมาจากนฤมล เมื่อกดเปิดดูก็เห็นพาดหัวข่าวบันเทิงในหน้าโซเชียลมีเดียที่อีกฝ่ายเลื่อนเปิดเจอเข้าโดยบังเอิญ
‘ไฮโซสาวน้ำหนึ่งถูกไอ้หนุ่มคลั่งรักจับไปขังไว้ในบ้าน จนป่านนี้ยังหาตัวไม่พบ’
ปฐวีถึงกับอึ้งไปทันทีเมื่อได้เห็น ก่อนจะอ่านซ้ำอีกสองสามรอบอย่างจะให้แน่ใจว่าใช่น้ำหนึ่งคนเดียวกันกับที่มาทำตัวเป็นคุณนายอยู่ในบ้านเขาหรือไม่
และสิ่งที่ผุดขึ้นในหัวในไม่กี่อึดใจต่อมาก็คือ แล้วไอ้หนุ่มคลั่งรักนี่มันใครกันหว่า
ถ้าหากตอนนี้น้ำหนึ่งไม่ได้ถูกจับไปไหน และยังคงอยู่ที่บ้านเขา ก็ไม่เท่ากับว่า…
“เป็นไปไม่ได้น่า!”
ปฐวีส่ายหน้า ก็น้ำหนึ่งเพิ่งมาหาเขายังไม่ถึงวันด้วยซ้ำไป ข่าวอะไรมันจะว่องไวปานสายฟ้าฟาดขนาดนี้ แต่ไม่ว่านี่จะเป็นข่าวลวงหรือข่าวจริง หรือเรื่องตลกร้ายอะไรก็แล้วแต่ มันกำลังทำให้ปฐวีนั่งไม่ติดที่อีกต่อไป
ขั้นแรกเขาพยายามโทรหาน้ำหนึ่งก่อนแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมรับสายเอาเสียเลย
หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับน้ำหนึ่ง
“ไม่ได้การ คงต้องรีบกลับบ้านละ”
ปฐวีตัดสินใจวิ่งกลับไปบอกนาเมืองว่าที่บ้านมีปัญหาเรื่องลูกค้าต้องรีบไปจัดการ ก่อนจะรีบบึ่งรถกลับบ้านด้วยความร้อนใจ ตลอดทางก็พยายามคิดเรียงลำดับเหตุการณ์เรื่องราวทั้งหมดในหัวเท่าที่จะนึกออกได้ในอารมณ์ขณะนั้น