“งั้นจะให้ไปไหนดีล่ะ ผมคิดไม่ออกเลย” ปฐวีตัดสินใจหันไปขอความคิดเห็นจากน้ำหนึ่ง
“ไป…” น้ำหนึ่งหยุดคิดนิดเดียวก็โพล่งออกมาทันทีว่า “ไปบ้านคุณย่า พี่วียังจำทางได้ไหม”
จริงสิ นี่เขาลืมที่พึ่งอย่างคุณย่าบุษยาไปได้อย่างไร
“ได้สิ ผมเพิ่งไปเยี่ยมคุณย่าเมื่อไม่ถึงเดือนที่ผ่านมานี่เอง”
พอตัดสินใจได้ดังนั้น ปฐวีก็รีบพารถมุ่งหน้าไปเชียงใหม่ทันที ทั้งสองต่างนั่งเงียบกันในรถไปกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนจะได้ยินเสียงของชายหนุ่มดังขึ้นอีกครั้งว่า “เอาล่ะสิ น้ำมันจะหมด…”
“อะไรนะ! น้ำมันจะหมด ทำไมพี่ไม่รู้จักเติมไว้ให้เยอะๆ หน่อยล่ะ”
“ก็ใครมันจะไปรู้ว่าจะต้องขับรถไปถึงเชียงใหม่ล่ะครับ” ปฐวีโต้กลับไปทันทีตามประสาคนปากไว แต่ครั้นหันไปเห็นสีหน้าซีดเซียวของหญิงสาวจึงยกมือขึ้นโบกไปมาแล้วเอ่ยเสียงอ่อนลงว่า “ช่างเถอะ เดี๋ยวหาปั๊มเติมก็หมดปัญหา ดีนะที่ผมเอากระเป๋าตังค์ติดมาด้วย”
“ไม่ต้องห่วง ถึงบ้านคุณย่าเมื่อไหร่หนึ่งจะจ่ายค่าน้ำมันคืนให้ทุกบาทแน่นอน”
“เงินเติมน้ำมันแค่นี้ผมไม่ห่วงหรอก ที่น่าห่วงก็คือใครมันมาเล่นปาหี่อยู่หน้าบ้านผมต่างหาก แล้วมันเรื่องอะไรถึงต้องมาหนีหัวซุกหัวซุนกันอย่างนี้ด้วย”
พอกลับมาตั้งสติได้ คำถามมากมายก็พรั่งพรูขึ้นมาในใจจนปฐวีแทบจะเลือกไม่ถูกว่าจะถามคำถามไหนก่อนดี
น้ำหนึ่งฟังแล้วก็เอาแต่เม้มริมฝีปากแน่นไม่ยอมเปิดปากพูดออกมาสักคำ ทำให้ปฐวียิ่งหงุดหงิดใจ แต่ครั้นจะไปคาดคั้นเอาคำตอบจากหญิงสาวก็เห็นใจว่าเพิ่งจะขวัญเสียมา
หญิงสาวนั่งคอแข็งจนกระทั่งปฐวีเลี้ยวรถแวะปั๊มน้ำมัน เขาตั้งใจเลือกปั๊มใหญ่เข้าไว้ เพราะจะได้หาซื้อของกินแล้วก็ของใช้อีกนิดหน่อย หรือเผื่อว่าน้ำหนึ่งจะอยากเข้าห้องน้ำด้วย
“จะลงไหมคุณหนึ่ง เผื่ออยากเข้าห้องน้ำ”
น้ำหนึ่งชะเง้อชะแง้ดูนอกรถอย่างประเมิน ด้วยไม่อยากลงไปพบคนพลุกพล่านข้างนอก
“ก็ได้ ว่าแต่รถพี่มีแว่นตาดำไหม”
ตอนแรกปฐวีก็งงว่าหญิงสาวอยากจะได้แว่นตาดำไปทำไม แต่พอนึกอะไรได้ก็ต้องร้องอ๋อขึ้นมาในทันใด
น้ำหนึ่งคงจะอยากได้เอาไปพรางตัวนี่เอง
“ไม่มีหรอก ผมไม่มีแว่นทุกชนิดเลย”
ดูเหมือนตอนนี้ความสวยของน้ำหนึ่งเริ่มจะเป็นปัญหาขึ้นมาเสียแล้ว เพราะผู้หญิงสวยๆ หุ่นดีไปไหนคนก็ชอบมอง แล้วไหนจะส่วนสูงพอๆ กับนางงามนั่นอีก
“เอาหมวกผมไปใส่แทนดีไหม มันน่าจะช่วยได้เยอะกว่าแว่นตาดำนะผมว่า”
“หมวก…หมวกอะไร”
“มันไม่ใช่ของแบรนด์เนมราคาแพงอะไรหรอก คุณหนึ่งทนใส่ไปก่อนได้ไหมล่ะ”
ปฐวีเอื้อมมือมาเปิดเก๊ะหน้ารถแล้วหยิบหมวกแก๊ปสีดำให้
น้ำหนึ่งมองอยู่ครู่หนึ่งก็เอื้อมมือไปรับมา แต่ก่อนสวมก็ไม่ลืมดมดูก่อนเหมือนตอนที่เขายื่นผ้าห่มให้ “โอเค ไม่มีกลิ่นอะไร”
“เวลาใครให้ของคุณหนึ่งต้องดมก่อนทุกครั้งเลยเหรอ แปลกพิลึก”
“เฉพาะกับพี่วีคนเดียวเท่านั้นแหละ ก็พี่มันซกมกนี่นา”
“อืม…ท่าทางพวกหนุ่มๆ ลูกคนรวยที่มารุมจีบคุณหนึ่งอยู่นี่คงอาบน้ำหอมมากันหมดทุกคนเลยสิ แล้วก็คงไม่เอาของถูกๆ อย่างนี้มาให้คุณหนึ่งใช้ด้วย”
“มันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว”
น้ำหนึ่งดึงที่บังแดดหน้ารถลงมาเพื่อจะดูกระจก ระหว่างนั้นก็พยายามจับผมรวบไว้เพื่อที่จะใส่หมวก แต่ดูเหมือนจัดอย่างไรก็ไม่ถูกใจเสียที
“จะใส่หมวกเสร็จไหมครับวันนี้ นี่ผมปวดเยี่ยวจนจะราดอยู่แล้ว หรือคุณหนึ่งจะอยู่เฝ้ารถ ผมจะได้ลงไปก่อน”
เนื่องจากไม่เคยมีสุภาพบุรุษคนใดมาพูดจากับเธอแบบนี้มาก่อน น้ำหนึ่งจึงชะงักมือแล้วหันไปมองอย่างไม่อยากจะเชื่อหู
“พี่วีนี่! พูดกับผู้หญิงอย่างนี้ได้ยังไง ห่ามเกินไปละ”
“อ้าว แล้วจะให้ผมบอกว่าไงล่ะ ก็คนมันปวดฉี่นี่ แค่นี้ก็ต้องว่าห่ามด้วยเหรอ เว่อร์ไปละ”
ปฐวีเห็นว่าขืนมัวแต่โอ้เอ้กันอยู่ ฟ้าคงมืดก่อนไปถึงเชียงใหม่แน่ จึงเอื้อมมือไปดึงหมวกมาจากมือของหญิงสาว รวบผมดัดเป็นลอนเงางามที่ตกลงมาปรกหน้าออกแล้วสวมหมวกลงไปให้เสร็จสรรพ
“ทำอะไรเนี่ย”
“เอ้า ก็ใส่หมวกให้ไง เสร็จแล้ว ลงได้แล้ว”
คราวนี้ปฐวีไม่รอเอาคำตอบอีก เขาก้าวลงรถไปก่อนเพื่อเป็นการบังคับหญิงสาวให้รีบตามไปกลายๆ
“เสร็จแล้วก็โทรหาผมแล้วกัน เผื่อผมไปซื้อของ ยังไม่กลับมาที่รถ”
“หนึ่งไม่มีมือถือแล้ว”
“หา…อะไรนะ”
“ไม่มีไง ไม่มีอะไรติดตัวมาเลยตอนนี้”
“โอเคๆ งั้นมารอผมที่รถ จำรถผมได้ใช่ไหม ถ้าไม่ได้ก็จำทะเบียนไปเลยแล้วกัน”
“รู้แล้วน่ะ ทำอย่างกับหนึ่งเป็นเด็กสามขวบไปได้”
ถึงจะมีหมวกแล้วแต่น้ำหนึ่งก็ยังคงพยายามเดินแอบอยู่ข้างหลังปฐวีไปจนถึงหน้าห้องน้ำ โชคดีว่าเขาเป็นผู้ชายตัวสูงแล้วยังไหล่กว้างจึงบังตัวเธอได้แทบมิด
ทำไมกันนะ…ทั้งที่ไม่ได้เจอหน้าเขามาเป็นปีๆ แล้ว แต่ความรู้สึกคุ้นเคยเมื่อได้มองแผ่นหลังของเขาถึงแทบไม่จืดจางไป ทั้งยังเรียกความอุ่นใจเหมือนในวันวานให้หวนคืนมาได้อีกต่างหาก
มันเป็นความอบอุ่นเหมือนกับตอนที่เขาโผล่หน้ามาเรียกเธอเมื่อเช้านี้ไม่มีผิด และก็ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำให้เธอรู้สึกอย่างนี้ได้เลย ไม่…แม้แต่จะใกล้เคียง
“คุณหนึ่ง…”
เสียงเรียกจากปฐวีที่กำลังเอี้ยวตัวมามองทำให้น้ำหนึ่งรู้สึกตัว หญิงสาวกัดริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยกับสิ่งที่แวบผ่านเข้ามาในใจเมื่อครู่ ก่อนจะบอกกับอีกฝ่ายที่ยังทำหน้างงๆ ว่า
“เสร็จแล้วก็รอหนึ่งอยู่นี่แหละ หนึ่งลืมแล้วว่ารถพี่วีคันไหน!”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 15 ก.ย. 65 เวลา 12.00 น.