บทที่ 6 ลับๆ ล่อๆ
บ้านหลังใหญ่มหึมาที่จะเรียกว่าคฤหาสน์ก็ไม่ผิดนัก แลดูตระหง่านง้ำอยู่ใต้แสงจันทร์สีเงินซีดจางขณะทอดเงามืดบางส่วนลงบนแปลงดอกกุหลาบสีขาวเบื้องล่าง สายลมเย็นพัดโชยมาตลอดเวลาจนชายหนุ่มต้องห่อกายด้วยความรู้สึกหนาว บรรยากาศทั้งหมดนี้ล้วนแต่ทำให้ปฐวีนึกว่ากำลังหลงเข้าไปในคฤหาสน์เก่าแก่ในนิยายโกธิคที่เคยหยิบขึ้นมาอ่านสักเรื่อง
ไม่สิ ยังขาดเสียงหมาป่าหอนเกรียวกราวอีกอย่างถึงจะครบเครื่อง
บรึ๋ย…ปฐวีไม่เคยนึกว่าจะได้มาเห็นบ้านกุหลาบขาวของคุณย่าบุษยาในบรรยากาศเหมือนบ้านผีสิงอย่างนี้เลย
“หน้าซีดอย่างกับไก่ต้ม ใจเสาะจริงเลยพี่เนี่ย”
เสียงกระซิบจากหญิงสาวที่นั่งยองๆ อยู่ข้างกันทำให้ปฐวีต้องพยายามข่มความกลัวทั้งหลายเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ขืนน้ำหนึ่งรู้ว่าเขากลัวผีได้เสียหน้าแย่
สาเหตุที่ทำให้ปฐวีต้องมานั่งซุ่มกันอยู่ในพุ่มไม้มืดๆ อย่างนี้ก็เพราะว่าระหว่างปฐวีกำลังขับรถย้อนกลับมาทางบ้านคุณย่าบุษยา น้ำหนึ่งก็บังเอิญตาดีเห็นไฟสว่างจากหน้าต่างห้องหนังสือของคุณย่าเข้า จึงตัดสินใจดับไฟหน้ารถและขับเข้าไปจอดแอบข้างทางเอาไว้เพื่อดูลาดเลาก่อน
โชคดีที่แสงไฟในบ้านสว่างอยู่แค่เพียงห้องเดียว ไม่ได้เปิดลามมาถึงสวนกุหลาบของคุณย่าด้วย สองหนุ่มสาวจึงยังสามารถหลบซ่อนอยู่ได้อย่างปลอดภัยเหมือนเดิม ปฐวีเห็นเงาคนหลายคนเดินผ่านไปมาที่หน้าต่างก็ชักวิตกกังวลถึงหนังสือและงานเขียนมากมายภายในนั้นของคุณย่าขึ้นมาเป็นกำลัง
“ดีนะที่หนึ่งช่างสังเกต ไม่งั้นจะเจออะไรเข้าก็ไม่รู้ ถ้าเกิดเป็นพวกโจรที่ตั้งใจจะมาปล้นบ้านคุณย่าตอนคุณย่าไม่อยู่นี่ไม่อยากจะคิดเลย ไม่แน่ว่าเด็กที่คุณย่าจ้างมาช่วยงานป้ายวงนั่นแหละที่เป็นสายให้โจรซะเอง”
คำพูดที่ฟังแล้วยิ่งไม่สบายใจทำให้ปฐวีชักจะเริ่มปอดแหกขึ้นมาจริงๆ ตอนแรกก็ตกลงกันดิบดีว่าเขาจะลงมาดูลาดเลาเอง เพราะอรรถเมาหลับจนกรนดังครอกอยู่หลังรถไปเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่รู้น้ำหนึ่งเกิดของขึ้นอะไรขึ้นมาถึงดื้อแพ่งจะตามมาด้วยให้ได้ ครั้นเห็นว่ามัวแต่ทุ่มเถียงกันอยู่อย่างนี้คงไม่ได้ไปบ้านคุณย่าบุษยาแน่ ปฐวีจึงต้องจำใจยอมให้น้ำหนึ่งตามมาอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากตอนกลางวันเพิ่งจะกลายเป็นไอ้หนุ่มคลั่งรักมาสดๆ ร้อนๆ ตอนกลางคืนยังต้องมาปะทะโจรห้าร้อยอีก ต้องบอกว่าชะตาชีวิตของเขาช่วงนี้นี่มันยิ่งกว่าดาวพระศุกร์เข้าดาวพระเสาร์แทรกจริงๆ
“โทรแจ้งตำรวจดีไหมผมว่า ขืนพวกมันมีปืนจะไม่รอดเอานะ”
“แล้วถ้าเกิดไม่ใช่โจรล่ะ พี่วีอย่าลืมสิว่าหนึ่งเพิ่งเป็นข่าวเสียๆ หายๆ ไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้เอง ไม่พร้อมจะมีข่าวใหม่อย่างไปโทรแกล้งตำรวจหรอกนะ ขายหน้าคนอื่นตายเลย”
“เสียหน้ามันจะเสียกี่รอบก็ได้ แต่เสียชีวิตมันได้แค่ครั้งเดียวนะครับจะบอกให้ ตอนนี้ผมเองก็ไม่พร้อมจะวิ่งไปรับกระสุนแทนใครเสียด้วยสิ ยิ่งเป็นมีดยิ่งน่าหวาดเสียวใหญ่”
ปฐวีพูดพลางทำท่าห่อไหล่
“พี่วีนี่ไม่ไหวจริงๆ หนึ่งไม่เห็นจะกลัวขนาดนั้นเลย”
“อ้าว ผมมันก็แค่ประชาชนคนธรรมดา ไม่ใช่พระเอกอย่างในละครที่คุณหนึ่งเป็นนางเอกนี่ จะได้วิ่งหลบกระสุนไม่โดนซักกะนัด”
น้ำหนึ่งทำเสียงในลำคออย่างไม่พอใจ ก่อนจะยืนกรานปฏิเสธความคิดของปฐวีเช่นเดิม พร้อมเสริมด้วยเหตุผลยาวเหยียด
“ไม่ล่ะ ยังไงหนึ่งก็ยังไม่อยากแจ้งตำรวจจนกว่าจะรู้จริงๆ ว่านั่นโจรหรืออะไร พี่อย่าลืมสิว่านอกจากสถานการณ์ไม่น่าไว้ใจที่บ้านคุณย่าตอนนี้แล้ว อาอรรถยังเตือนเราเรื่องพี่พีทเอาไว้ด้วย ถ้าเกิดเขาคิดถูกว่าหนึ่งกับพี่วีมาที่นี่แล้วตามมาดักรอถึงหน้าบ้านคุณย่าพร้อมกับถ่ายรูปเป็นหลักฐานเอาไว้ว่าพี่วีเป็นไอ้หนุ่มคลั่งรักจริงๆ ล่ะ จะทำยังไง”
สำหรับปฐวีที่อยากจะดิ้นให้หลุดจากสถานะไอ้หนุ่มคลั่งรักให้เร็วที่สุด ย่อมไม่ปรารถนาให้เรื่องที่เขาพาน้ำหนึ่งไปไหนต่อไหนเป็นความลับให้คนยิ่งจินตนาการต่อไปในทางร้ายจนพาให้เดือดร้อนไปมากกว่านี้
แต่…ถึงอย่างไรเขาก็ควรรอบคอบไว้ก่อนเพราะยังไม่แน่ใจว่าพีรัชวางแผนอะไรเอาไว้บ้าง เพราะถ้าเรื่องร้อนใจพวกนี้มาจากความคิดของพีรัชจริงล่ะก็ มันไม่มีทางเป็นแค่การแกล้งกันเล่นแน่นอน
ปฐวีคิดแล้วก็ต้องเผลอกำหมัดแน่น เพราะเห็นแก่คุณย่านี่แหละ เขาถึงต้องยอมทนอยู่อย่างนี้เรื่อยไป
“อ้าว ตอนนี้พี่พีทของคุณหนึ่งกลายเป็นตัวร้ายแทนผมไปซะแล้วเหรอ เปลี่ยนใจเร็วจริง”
นี่ถ้าตรงนี้สว่างอีกนิด ปฐวีคงจะได้เห็นน้ำหนึ่งแยกเขี้ยวใส่เหมือนแวมไพร์สาวแน่นอน เท่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายปากคอเราะรายอะไร แต่พอได้อยู่กับน้ำหนึ่งทีไร ความสามารถอันเร้นลับนี้ก็มักจะโผล่ออกมาของมันเองโดยไม่ตั้งใจทุกที
น้ำหนึ่งทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่พอใจ “หรือจะให้คิดว่าพี่วีนั่นแหละตัวร้าย อยากโดนจับเข้าคุกจริงๆ หรือไง กลับจากบ้านคุณย่าแล้วหนึ่งจะได้รีบดำเนินการให้”
“เออๆ ให้คุณพีทเป็นไปก่อนแล้วกัน ผมไม่ขอรับไว้ล่ะ” ปฐวียกมือขึ้นสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้
“ถ้าอย่างนั้นก็หยุดพูดเรื่องไร้สาระก่อนจะมีใครมาได้ยินเข้าจนพาให้เสียเรื่อง”
“รู้แล้วน่า”
ระหว่างนั้นปฐวีก็ลอบมองเสี้ยวหน้างามที่ตกอยู่ในความมืดครึ่งหนึ่งของหญิงสาวไปด้วย บางทีน้ำหนึ่งอาจไม่ได้เป็นแค่คุณหนูเอาแต่ใจนิสัยไม่ได้ความไปเสียทั้งหมดก็ได้