ชายหนุ่มมีเครื่องหน้านุ่มนวลอ่อนหวานซึ่งได้รับถ่ายทอดพันธุกรรมนี้มาจากผู้เป็นแม่ ขณะที่แววตาคมกริบและเรือนกายสูงใหญ่ได้รับตกทอดจากผู้เป็นพ่อ ส่วนผสมดังกล่าวทำให้ฉายเป็นหนุ่มฮอตที่สาวน้อยสาวใหญ่ถูกตาต้องใจ บางรายถึงขึ้นเสนอแพ็กเกจ
‘กินฟรีไม่มีลิมิต’
แต่บังเอิญเจ้านายของเขาดันขี้เบื่อก็เลยไม่เคยคบผู้หญิงรายไหนเกินหนึ่งเดือน ภาพลักษณ์ของฉายจึงหนีไม่พ้นหนุ่มเนื้อหอมจอมอื้อฉาวฉายา ‘คาสโนว่าหน้าหวาน’ แต่ฉายกลับไม่คิดแก้ข่าว ปล่อยให้โลโก้นี้ประทับตราเขาไว้อย่างไม่ยี่หระ
เพอร์เฟ็กต์ครบเครื่องแบบนี้แต่หนุ่มเนื้อหอมกลับมีปมเรื่องบ้านแตก ประสบการณ์ในอดีตหล่อหลอมให้ท่านรองตีสองหน้าเก่งและชื่นชอบการเอาชนะเป็นที่สุด ตั้งแต่พ่อแม่เลิกกัน ฉายก็เรียกคะแนนความสงสารจากเชาว์ อดีตท่านประธานหรือคุณปู่ให้เทไปยังสุมาลีได้มากโข
ลือกันว่าสุมาลีได้ทรัพย์สินจากการหย่าร้างหลายร้อยล้านบาท แม้หย่าร้างแล้วแต่สุมาลีกลับไม่เคยขาดการติดต่อพ่ออดีตสามีและลูกชาย เธอแวะมาหาท่านทุกเทศกาลสำคัญและโทรศัพท์มาพูดคุยให้ท่านสบายใจเป็นประจำ ดังนั้นเมื่ออดีตประธานใหญ่เสียชีวิต ชื่อของสุมาลีจึงถูกระบุอยู่ในพินัยกรรมอีกครั้ง
แม้ไม่ได้รับหุ้นในบริษัท แต่ทรัพย์สินจำพวกเงินสดและเครื่องประดับมีค่าทั้งหลายซึ่งเคยเป็นของคุณย่าฉายกลับตกเป็นของสุมาลีครึ่งหนึ่ง
นอกเหนือจากทรัพย์สินที่แบ่งให้สุมาลีแล้ว สมบัติที่เหลืออีกก้อนใหญ่และหุ้นในบริษัทถูกแบ่งเป็นสองส่วนสำหรับชวาล ผู้เป็นลูกชายและฉาย ผู้เป็นหลานอย่างเท่าเทียมกัน
แม้แต่วิทยาซึ่งเป็นเพียงคนนอกยังได้เงินสดก้อนโต ทำเอาผู้น้อยอึ้งกิมกี่ น้ำตาจะไหล
‘ก็แกจงรักภักดี ไม่เคยนอกลู่นอกทางไปเข้าข้างพวกนั้น ฉันก็ต้องตกรางวัลให้น่ะสิ’
‘ท่านรองพูดยังกับว่าท่านรองรู้เนื้อหาในพินัยกรรมอย่างนั้นแหละ’
‘ทำไมจะไม่รู้ ในเมื่อคุณปู่สั่งให้ทำพินัยกรรมตามที่ฉันต้องการ ตอนแรกคุณปู่เกือบใจอ่อนเจียดเงินให้สองแม่ลูกนั่นแต่ฉันห้ามเด็ดขาด คุณปู่ก็เลยตามใจฉัน’
แน่นอนว่าการไม่ได้อะไรแม้แต่บาทเดียวทำให้อมาวสีและวาทิต ลูกติดของอมาวสีแค้นใจนักหนา
‘หึ! คงคิดว่าเสแสร้งทำดีกับคุณปู่แล้วจะลบล้างความผิดที่พวกมันทำลายครอบครัวฉันได้’
วิทยาคิดแล้วก็อดสงสารสองแม่ลูกนั่นไม่ได้ที่ดันเจอเจ้ากรรมนายเวรสายโหดตามจองเวรไม่เลิกราเลยตกที่นั่งลำบากซวยไปตามระเบียบ
“ผมเองครับพ่อ”
เสียงของฉายดึงสติวิทยากลับมาก่อนเบนสายตาไปที่หน้ารถเพื่อความเป็นส่วนตัวของเจ้านาย
“เป็นยังไงบ้าง แม่เราอยู่ตรงนั้นรึเปล่า เอาสายให้พ่อคุยสิ”
“แม่ไม่อยู่ครับ”
“อ้าว แม่เราไปไหน หรือว่าไปกับหนุ่มๆ?”
ถึงพ่อกับแม่จะเลิกรากันสิบกว่าปีแล้ว แต่ทั้งคู่ไม่เคยห่างการติดต่อกัน เพราะทุกเดือนพ่อจะมีหน้าที่ส่งเงินให้แม่ ไม่เคยขาดแม้แต่เดือนเดียว
“แม่แค่ออกไปซื้อของน่ะครับ อีกเดี๋ยวก็กลับ”
“พ่อก็นึกว่ามัวหลงหนุ่มๆ อยู่ ฉายก็น่าจะห้ามแม่เราบ้าง อายุปูนนี้ไม่อายคนข้างนอกบ้างรึไง”
“พ่อปล่อยแม่ไปตามทางของแม่เถอะครับ แม่ออกจะมีความสุขกว่าตอนอยู่เมืองไทยด้วยซ้ำ พ่อเองก็มีเมียใหม่แล้ว ไหนจะพวกตัวเล็กตัวน้อยอีก จะอะไรกับแม่นักล่ะครับ”
“ยังไงลีก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียพ่อ จะไม่ให้ดูดำดูดีเลยรึไง แล้วนี่เขาถามถึงพ่อรึเปล่า”
แปลกที่หลายปีมานี้พ่อพูดถึงแม่บ่อยขึ้น โดยเฉพาะหลังจากแม่บินกลับมาร่วมงานศพของคุณปู่เมื่อปีที่แล้ว แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพ่อกับแม่ แต่ก็เป็นนิมิตหมายอันดีไม่ใช่เหรอ
คิดๆ ไปแล้วเขาก็สงสัย เขาไม่เคยถามพ่อกับแม่เลยด้วยซ้ำว่าพวกเขารักกันได้อย่างไร ไหนๆ นึกขึ้นได้แล้วก็ลองถามดูสักหน่อยดีกว่า