With Love
ทดลองอ่าน เชฟคนนี้มีรักมาเสิร์ฟ! บทที่ 2-บทที่ 3
5
คำแนะนำของเซียวอิ่นจางทำให้เจียงเหมยอิ่งยิ่งมั่นใจว่าตนเองจะต้องไปสอดแนมที่ร้านบะหมี่โหย่วเจียน
ถือโอกาส…ก็แค่ถือโอกาส ไปขอโทษหานต้ง…โดยอ้างชื่อผู้กำกับหลิว
มาถึงยังชั้นล่างของอพาร์ตเมนต์ฮุ่ยตูอีกครั้ง เจียงเหมยอิ่งตื่นเต้นยิ่งกว่าครั้งก่อนมาก ครั้งที่แล้วไม่รู้ว่าเป็นร้านของหานต้งคนนั้น แต่ครั้งนี้เจียงเหมยอิ่งรู้แล้วว่าเจ้าของร้านคือหานต้ง เธอได้แต่พยายามทำให้ตัวเองไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้และพยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติ
คงเพราะใส่ผ้าปิดปาก คนอื่นจึงเห็นใบหน้าเธอได้ไม่ชัด ระหว่างทางเจียงเหมยอิ่งเองก็สบายใจมากขึ้น ไม่ก้มหน้าหลบเลี่ยงยามอยู่ท่ามกลางฝูงชนอีก
“ยินดีต้อนรับค่ะ! อ๊ะ…คุณเจียง…” หวงหรูหรูเพิ่งจะเอ่ยต้อนรับอย่างกระตือรือร้น ก็พบว่าคนที่มาคือเจียงเหมยอิ่ง
เจียงเหมยอิ่งพยักหน้าอย่างเกรงใจ ใบหน้าขาวสะอาดขึ้นริ้วแดงเพราะความเขินอาย
ช่วงเวลาที่เจียงเหมยอิ่งมาในครั้งนี้ตรงกับเวลาอาหารพอดี คนจึงเยอะมาก คนแปลกหน้าจำนวนมากกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่เดียวกันนี้ทำให้เจียงเหมยอิ่งละล้าละลัง ไม่กล้าเดินเข้าไป เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เตือนใจตัวเองด้วยคำพูดของเซียวอิ่นจาง จะต้องเดินเข้าไปในกลุ่มคนอย่างกล้าหาญ มีปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าอย่างกระตือรือร้น
เจียงเหมยอิ่งวางแผนในใจเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าร้านไป
โต๊ะตัวหนึ่งที่อยู่ตรงมุมว่างแล้ว หวงหรูหรูพาเจียงเหมยอิ่งตรงไปยังโต๊ะตัวนั้น เจียงเหมยอิ่งพยายามเดินผ่านตรงกลางระหว่างโต๊ะสองฝั่งอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ตัวเองไปชนคนอื่นเข้า แต่ลูกค้าบางคนก็คุยกันออกรสออกชาติ หัวเราะตัวโยน กระโดดโลดเต้น เจียงเหมยอิ่งจึงต้องหลบหลีกอย่างระมัดระวัง
หวงหรูหรูถามเจียงเหมยอิ่งว่าต้องการสั่งอะไรตามปกติ
เจียงเหมยอิ่งก้าวออกมาจากเซฟโซน เธอเอ่ยถาม “เถ้าแก่อยู่ไหมคะ”
เวลาคุยกับเจียงเหมยอิ่ง หวงหรูหรูก็จะตั้งใจฟังเป็นอย่างดี เธอพยักหน้า “อยู่ค่ะ”
เจียงเหมยอิ่งผงกศีรษะ กำลังคิดอยู่ว่าควรจะขอโทษหานต้งอย่างไร
เจียงเหมยอิ่งกวาดตามองเมนูอาหารที่อยู่บนผนังรอบหนึ่ง ความกดดันในใจมากขึ้นทุกที ในเมนูไม่มีเมนูไหนเลยที่ดูแล้วเธอพอจะกินได้ในเวลานี้
“น้ำขิง?” เจียงเหมยอิ่งพูดพึมพำกับตัวเอง
หวงหรูหรูมองเจียงเหมยอิ่งอย่างสงสัย
เจียงเหมยอิ่งลุกขึ้นมา ชี้ไปยังบรรทัดสุดท้ายของเมนูอาหารบนผนัง อักษรสี่ตัวเล็กๆ ที่เขียนด้วยปากกามาร์กเกอร์บนผนังนั้นมีขนาดเท่าเม็ดข้าว ถ้าไม่มองให้ดีๆ ก็คงนึกว่าเป็นแมลงวัน
“น้ำขิงอุ่นใจ” หวงหรูหรูอ่านอักษรสี่ตัวนั้น เจียงเหมยอิ่งหันกลับมาเหล่ตามองหวงหรูหรู
สายตาคู่นั้นเหมือนมีคำถาม จะมีเมนูนี้หรือเปล่านะ
หรือนี่จะเป็นเมนูลับ? หวงหรูหรูเองก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าบนเมนูอาหารมีของแบบนี้เขียนเพิ่มลงไปตั้งแต่เมื่อไร
หวงหรูหรูจดเมนูพลางตอบ “มีค่ะ ยังต้องการอะไรอีกไหมคะ”
เธอเงยหน้ามองเจียงเหมยอิ่ง อีกฝ่ายส่ายหน้าทันทีโดยไม่มีท่าทีลังเล
“…แค่…น้ำขิง?” หวงหรูหรูกระตุกมุมปาก
เจียงเหมยอิ่งนั่งลงและพยักหน้า
ที่นี่คนเยอะเกินไป โต๊ะข้างๆ ยังมีชายฉกรรจ์สามคนกำลังดื่มเหล้าอยู่ พูดคุยเสียงดังจนทะลุโสตประสาท เจียงเหมยอิ่งรู้สึกว่าทุกครั้งที่พวกเขาหัวเราะเสียงดังเสมือนมีหมัดมาต่อยกลางหน้าท้องของเธอ ทำให้เธอเหงื่อออกมากผิดปกติ
เจียงเหมยอิ่งลอบถอนหายใจให้กับการเลือกของตน แม้น้ำขิงจะหวาน แต่ไม่มัน เจียงเหมยอิ่งแอบสะกดจิตตัวเอง น้ำขิงต้มน้ำตาลทรายแดงเป็นแค่เครื่องดื่มทั่วไป อีกทั้งยังดีต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้นสามารถดื่มได้
ตอนที่หานต้งได้ยินหวงหรูหรูแจ้งออเดอร์ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ “น้ำขิงอุ่นใจ?” เขาขมวดคิ้ว คิดอยู่ครู่หนึ่งถึงนึกขึ้นได้ว่าร้านของพวกเขาเพิ่มเมนูนี้มาตอนไหน
“ค่ะ เป็นคุณเจียงที่เคยมาร้านเราเมื่อครั้งที่แล้ว สั่งน้ำขิงถ้วยหนึ่ง เถ้าแก่คะ เรามีขิงสดอยู่ใช่ไหม” หวงหรูหรูถาม
หานต้งพยักหน้า “อีกห้านาทีเสร็จ”
น้ำขิงสดมีเตรียมไว้อยู่แล้ว การทำน้ำขิงต้มน้ำตาลทรายแดงนั้นจึงเร็วมาก เพียงแต่เขาไม่คิดว่านอกจากเหมียวเหมี่ยวแล้ว…ยังจะมีคนสั่งน้ำขิงอีก
อักษรสี่ตัวที่เขียนด้วยมือนั้นก็เป็นเหมียวเหมี่ยวที่เขียน
ตั้งแต่ร้านบะหมี่เปิดกิจการ น้ำขิงต้มน้ำตาลทรายแดงถ้วยนี้เป็นเครื่องดื่มพิเศษเฉพาะของเหมียวเหมี่ยวมาโดยตลอด ทุกครั้งที่เหมียวเหมี่ยวถูกความเย็นหรืออารมณ์ไม่ดี หานต้งก็มักจะต้มน้ำขิงให้เธอถ้วยหนึ่ง ความหนาวเหน็บของเหมียวเหมี่ยวก็ถูกขจัดไปในทันใด อารมณ์ก็จะดีขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ต่อมาเหมียวเหมี่ยวก็นึกสนุก เขียนคำว่า ‘น้ำขิงอุ่นใจ’ ลงไปบนเมนูอาหาร แถมยังพูดกับหานต้งด้วยรอยยิ้มว่า ‘น้ำขิงของเถ้าแก่ทำให้หัวใจของผู้คนอบอุ่น ดังนั้นจึงเรียกว่า ‘น้ำขิงอุ่นใจ’ ที่แสนจะอบอุ่นเหมือนกับตัวเถ้าแก่ไงล่ะ’
เขาไม่ใช่คนอบอุ่นอะไรหรอก หานต้งรวบรวมสมาธิเพ่งไปที่เตา ความขุ่นเคืองพลันพลุ่งพล่านขึ้นมาในใจโดยไร้สาเหตุ
เขาไม่ได้ดีกับทุกคน
หานต้งนึกว่านอกจากเหมียวเหมี่ยวแล้วก็คงไม่มีใครเจอตัวหนังสือเล็กๆ บรรทัดนั้น เขาก็แค่เห็นว่าน้ำขิงถ้วยนี้เป็นความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ตนเองมีต่อเหมียวเหมี่ยว คิดไม่ถึงว่า…สุดท้ายแล้วยังจะมีคนเจอมัน แถมยังสั่งเมนูนี้อีกด้วย
ก็เหมือนกับเหมียวเหมี่ยว ไม่ได้มีแค่เขาที่มองเห็นถึงความดีในตัวเหมียวเหมี่ยว ดังนั้นสุดท้ายแล้วเหมียวเหมี่ยวก็ไม่ได้เป็นของเขา
หานต้งหัวเราะเยาะตัวเอง หยิบน้ำขิงออกมา และกวาดตามองไปทางประตูห้องครัวแวบหนึ่ง
คนที่สั่งแค่น้ำขิงนั่นก็แปลก เป็นมื้อกลางวันแต่กลับดื่มแค่น้ำขิงถ้วยเดียว
หานต้งส่ายศีรษะ คนที่ไม่เกี่ยวกับตนเอง ทางที่ดีเขาอย่าไปอยากรู้อยากเห็นจะดีกว่า
ห้านาทีต่อมาน้ำขิงต้มน้ำตาลทรายแดงอันร้อนกรุ่นก็ถูกเสิร์ฟไว้บนโต๊ะ
เจียงเหมยอิ่งตั้งสติ นั่งยืดตัวตรง กล่าวขอบคุณกับหวงหรูหรูอย่างระมัดระวัง “ขอบคุณค่ะ”
หวงหรูหรูฉีกยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ ระวังร้อนนะคะ”
เจียงเหมยอิ่งพยักหน้า ใช้มือทั้งสองข้างกุมถ้วยเอาไว้ สัมผัสได้ถึงความร้อนตรงกลางฝ่ามือ
ปลายจมูกได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำตาลทรายแดงและขิงสดอ้อยอิ่งอยู่จางๆ เมื่อหลับตาลง กลิ่นหอมนั้นก็พลันชัดเจนและเข้มข้นขึ้นมา
รู้สึกสบายมาก เจียงเหมยอิ่งพ่นลมหายใจ ความอบอุ่นจากฝ่ามือค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง รู้สึกได้ว่าหัวใจอบอุ่นขึ้นมา
จู่ๆ เธอก็มีความมั่นใจ
เจียงเหมยอิ่งถอดผ้าปิดปากออก ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา หยิบช้อนตักแกงตักน้ำขิงขึ้นมาช้อนหนึ่งจ่อที่ปาก ใช้ริมฝีปากแตะเบาๆ ครู่หนึ่ง น้ำขิงนั้นร้อน แต่ในใจของเธอก็ไม่ได้มีความอึดอัดและไม่มีความรู้สึกคลื่นเหียนใดๆ
เจียงเหมยอิ่งตาเป็นประกาย อ้าปากเล็กน้อยแล้วซดน้ำขิงช้อนนั้นเข้าไปในปาก
ทันใดนั้นเองรสหวานละมุนก็แผ่กระจายออกมาและไหลลงคอในช่วงเวลาสั้นๆ จู่ๆ รสขิงอันเผ็ดร้อนก็ระเบิดออก อวลไปทั่วลำคอ จมูกของเจียงเหมยอิ่งพลันมีเหงื่อซึม แก้มทั้งสองข้างแดงซ่าน รสเผ็ดร้อนนี้คงอยู่เพียงสองวินาที รสหวานของน้ำตาลทรายแดงจากโคนลิ้นก็กลับคืนมาสะกดรสเผ็ดนั้นไว้ สุดท้ายแล้วเจียงเหมยอิ่งก็สูดปากเบาๆ รู้สึกได้ถึงรสหวานติดปลายอ่อนๆ ในปาก
อร่อยมาก! เจียงเหมยอิ่งสูดจมูก ดวงตาทั้งสองข้างแดงเรื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะขิงสดหรือเพราะความตื่นตะลึงในใจกันแน่
เมื่อก่อนเธอไม่เคยดื่มน้ำขิง และไม่เคยได้ลิ้มรสที่สลับเปลี่ยนไปมาอย่างนี้ ทว่าเพียงคิดว่าเชฟที่เทพขนาดนี้คือหานต้ง เจียงเหมยอิ่งก็เกิดอารมณ์สับสน
เธอไม่ชอบรสชาติของขิงสด แต่น้ำขิงถ้วยนี้กลับดื่มไปแล้วกว่าครึ่ง
เจียงเหมยอิ่งดื่มด่ำอยู่กับความซาบซึ้งของตนเอง ก่อนจะใส่ผ้าปิดปากกลับเข้าไปบนใบหน้า เมื่อเงยหน้าก็เห็นหานต้งกอดอกพิงประตูห้องครัวจ้องมองตนเองอยู่ ไม่รู้ว่ามองมานานแค่ไหนแล้ว
เมื่อทั้งสองสบสายตากัน หานต้งก็ยกคิ้วแล้วพยักหน้าน้อยๆ ให้กับเจียงเหมยอิ่งด้วยสีหน้าราบเรียบ แววตานิ่งเฉย คล้ายกับว่าแค่บังเอิญสบตากับลูกค้าของเขา และทักทายเป็นมารยาทเท่านั้น จากนั้นเขาก็สวมหมวกเชฟที่อยู่ในมือแล้วกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง
เจียงเหมยอิ่งเพิ่งอ้าปากหมายจะเรียกชื่อหานต้ง แต่เขาก็กลับเข้าไปในห้องครัวเสียก่อน เธอจึงมองที่ประตูห้องครัวอย่างงงงวย
หานต้งคนนี้ไม่เหมือนกับที่เธอจินตนาการเลยจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นลูกไม่รักดีคนนั้นที่พ่อของเขาเรียกเมื่อตอนอยู่ที่ปักกิ่ง หรือจะเป็นเชฟหน้าตายและเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์เกินเหตุคนนั้นที่อยู่ในรายการ
เขาหนักแน่น ใจเย็น พูดน้อย ทั้งยังสามารถ…ทำอาหารที่เธอกินได้อีกด้วย
ไม่แน่ว่าหลังจากที่เธอค่อยๆ ทำความคุ้นเคยกับคนในร้านบะหมี่ เธอกับหานต้งก็อาจจะกลายเป็นเพื่อนกันได้จริงๆ