สำหรับตำแหน่งผู้ช่วยอาลักษณ์ของฉู่เหลียนเฉิงนี้ เฮยทั่วเทียนบอกได้ว่านางทำงานได้เป็นที่น่าพอใจ
นางไม่พูดมาก ทั้งทำงานอย่างขะมักเขม้นและรู้หน้าที่ดี ส่วนเรื่องการพบปะผู้คนในหลายปีมานี้ เป็นเพราะสุขภาพร่างกายของฉู่เหลียนเฉิงไม่เหมือนกับผู้อื่น แม้เทียบเชิญไปงานต่างๆ จะมีมาไม่ได้ขาด แต่นางมักจะไม่ได้ไปร่วมงาน แต่ก็ยังคงมีมิตรภาพอันดีกับไป่ซั่งเสียน
อีกทั้งนางเป็นผู้ที่มีความคิดที่ว่องไวมาก ทุกครั้งที่เขาเลือกฎีกาเล่มเล็กๆ ออกมาจำนวนหนึ่งให้นางกลับไปพิจารณาดู ฉู่เหลียนเฉิงมักจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเขาก็จะได้รับคำตอบจากนางแล้ว ที่ยอดเยี่ยมไปกว่านั้นคือเรื่องขุดคลองทดน้ำ เขาเพิ่งจะเอ่ยปากบอกให้นางไปเขียนข้อดีข้อเสียมา ดวงตาของอีกฝ่ายพลันเป็นประกายแล้วหยิบม้วนกระดาษที่นางเขียนเสร็จเรียบร้อยแล้วออกมาจากอกเสื้อ ความยาวสิบกว่าหน้า ตัวหนังสือประณีตเรียบร้อย นำเอาข้อดีข้อเสียมาแจกแจงไว้ทั้งหมด
“ภายในสมองขององค์หญิงเหลียนเฉิงผู้นี้ใส่อะไรไว้บ้างนะ การทำให้แคว้นเป่ยโม่ของพวกเราร่ำรวย ราษฎรอยู่อย่างสงบสุขเกี่ยวกับนางอย่างไร…เหตุใดนางจึงได้มีความเห็นอะไรมากมายเช่นนี้” วันนี้ที่ตำหนักอู่หวงหลังจากที่แม่ทัพโม่ชิงได้อ่านสาส์นที่เฮยทั่วเทียนให้เขาจนจบจึงถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ
“หรือว่านางจะทำให้เราตายใจต่อหนานฉู่อย่างไม่ต้องสงสัย หรือนางมีความคิดอย่างอื่นที่ทำให้เราคาดไม่ถึง แต่จริงๆ แล้วนางก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากคนทั่วไป” เฮยทั่วเทียนหยิบจดหมายลับอีกหนึ่งฉบับเกี่ยวกับชีวิตของฉู่เหลียนเฉิงออกมาส่งให้โม่ชิง
ในจดหมายลับพูดถึงเรื่องแม่ของฉู่เหลียนเฉิง ซึ่งเสียสติไปเพราะไม่ได้รับความโปรดปราน ต่อมาจึงถูกคุมตัวไปอยู่ในตำหนักเย็น จนกระทั่งเสียชีวิตที่นั่น ถึงแม้ตัวของฉู่เหลียนเฉิงจะมีชื่อเสียงด้านคุณธรรมและพรสวรรค์ แต่ยามนางอยู่ที่หนานฉู่กลับไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเลย ส่วนใหญ่นางต้องพึ่งพาท่านลุงที่เป็นหมอคอยดูแล อีกทั้งเคยถูกนับว่าเป็นศิษย์อยู่ในสำนักศึกษาที่โจมตีราชวงศ์ด้วยคำพูดหยาบคายจนเกิดคดีความขึ้น นางถูกจับเข้าไปสอบปากคำในคุก ต่อมายังถูกบังคับให้กินยาพิษเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ถ้าหากตอนนั้นที่หนานฉู่ไม่ได้มีหมอเทวดาคอยดูแลนางอยู่ใกล้ๆ เกรงว่านางคงจากโลกนี้ไปนานแล้ว
“องค์หญิงเหลียนเฉิงผู้นี้ได้รับความทุกข์ยากเหลือเกิน เมื่อก่อนข้ายังเคยได้ยินข่าวที่นางติดตามหมอเทวดาไปทั่ว แต่ไม่เคยรู้เลยว่านางที่เป็นถึงองค์หญิงผู้หนึ่งแต่กลับได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมถึงขนาดนี้เลยจริงๆ” โม่ชิงอ่านจดหมายลับจบแล้วพูดออกมาด้วยเสียงอันเบา
“ก็เพราะนางเคยมีช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนั้น นางในตอนนี้จึงได้มีความสบายใจบางอย่างที่คนอื่นไม่มี”
ตอนนี้ยามที่เฮยทั่วเทียนนึกถึงนาง เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าหน้าตาของนางยิ่งใสกระจ่างอยู่ในความคิดเขามากขึ้น เขาเคยชินแล้วกับการที่มีนางนั่งทำงานอยู่อีกฝั่งหนึ่ง บางคราเขาก็สั่งให้นางกินอาหารร่วมกัน เป็นเพราะนางมักจะเริงร่าเพลิดเพลินกับอาหารอยู่เสมอ เขามองนางไปเรื่อยๆ ก็ทำให้ตนเองกินอาหารได้มากขึ้นกว่าปกติด้วยเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้วการที่เคยผ่านความยากลำบากมาจึงทำให้เข้าใจได้ถึงความสุข เช่นนางและเขากระมัง
“นางเป็นคนมีความสามารถ หลังจากที่ข้าได้รู้จักนางมาสักระยะหนึ่งก็ตั้งใจจะให้นางเข้าสำนักบัณฑิตหลวง” เฮยทั่วเทียนกล่าว
“เช่นนั้น…ข่าวที่เพิ่งจะได้รับมาจากหนานฉู่ ไม่ทราบว่าจะมีผลกระทบอะไรกับนางหรือไม่…”
“ให้คนไปบอกฉู่เหลียนเฉิง”
“ฝ่าบาทจะบอกนางอย่างนั้นหรือ!” โม่ชิงประหลาดใจ
“ความลับเกี่ยวกับราชนิกุลหนานฉู่จงปิดให้มิด อย่าได้พูดถึง ส่วนเรื่องอื่นไม่ช้าก็เร็วนางก็จะรู้เองอยู่ดี อีกทั้งยามนี้นางได้เป็นขุนนางของเป่ยโม่แล้ว ล้วนต้องทุ่มเทความคิดและจิตใจให้มั่นคงกับเป่ยโม่ต่อไป” หากนางไม่ผ่านด่านนี้ไปก็นับว่านางไม่มีคุณสมบัติพอจะเข้าสำนักบัณฑิตหลวง นี่เป็น…
บททดสอบที่เขามอบให้นาง!