ฉู่เหลียนเฉิงไอออกมา เมื่อไอออกมาแล้วก็หยุดมันไม่ได้ นางรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดปากระหว่างที่กลิ่นเลือดคละคลุ้งอยู่ภายใน นางจึงรู้ตัวว่าตอนนี้พิษได้กำเริบแล้ว
ถ้าหากฝ่าบาทรู้ว่าสุขภาพของนางแย่กว่าที่เขาคิดเป็นเท่าตัว งานราชการนี้นางจะยังได้ทำอีกหรือ เขาจะยังกล้ามอบตำแหน่งที่สำคัญนี้ให้นางอย่างนั้นหรือ…
ฉู่เหลียนเฉิงนึกอยากเร่งฝีเท้าแต่พิษร้ายกลับสำแดงไวยิ่งกว่า ขาทั้งสองข้างกับความคิดของนางไม่ได้ทำตามคำสั่งอีกต่อไป นางหยิบยาชุ่ยเซียนใส่ในปากพร้อมกับที่เข่าทั้งสองข้างอ่อนแรงล้มลง ร่างกายเซไปข้างหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ใครก็ได้เข้ามา! พานางไปที่วังจื่อจี๋และตามหมอหลวงมาโดยเร็ว!”
ก่อนจะล้มลงกับพื้นนางได้ยินฝ่าบาทพูดเช่นนี้ด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองน้อยๆ
เฮยทั่วเทียนมองฉู่เหลียนเฉิงที่กำลังนอนอยู่บนเตียงยาว ใบหน้าไร้สีเลือด ลมหายใจอ่อนแรงดุจคนตายไปแล้ว
“ภายในร่างกายขององค์หญิงเหมือนว่าจะมีพิษสะสมอยู่ อวัยวะห้ากลั่นหกกรองขององค์หญิงเทียบกับคนปกติทั่วไปแล้วอ่อนแอกว่า ยิ่งได้รับลมหนาวเข้าไปจึงได้วิงเวียนจนถึงตอนนี้ เมื่อครู่เพิ่งได้รับยาขับพิษเข้าไป หลังจากหนึ่งชั่วยามอาจได้สติขึ้นมา หลังจากนี้จำเป็นต้องทั้งขับพิษไปด้วย ทั้งบำรุงเลือดลมเสริมไปด้วย หลีกเลี่ยงการพักผ่อนไม่เพียงพอ และอย่าให้องค์หญิงมีเรื่องที่กังวลพระทัยอีกพ่ะย่ะค่ะ…” หมอหลวงกล่าวถึงอาการอย่างละเอียด
“หากไม่บำรุง ไม่ใส่ใจ ไม่พักผ่อนเล่า” เฮยทั่วเทียนเอ่ยถาม
หมอหลวงมองสีหน้าเคร่งขรึมของฝ่าบาท เหงื่อกาฬออกเต็มแผ่นหลัง องค์หญิงเหลียนเฉิงไม่เพียงร่างกายซูบผอมอย่างมาก ทั้งยังรับราชการอยู่ ร่างกายของนางย่อมต้องป่วยไข้
แต่ยามนี้องค์หญิงอยู่ภายในวังของฝ่าบาท น่าจะเป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องทางใจของฝ่าบาทไม่มากก็น้อย เขาควรให้ความสำคัญกับคำตอบนี้สักหน่อย
“กราบทูลฝ่าบาท หากองค์หญิงได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ อาจจะมีอายุยืนยาวไปอีกสิบปี”
สิบปี? เฮยทั่วเทียนเม้มปาก สายตาจับจ้องที่ใบหน้าของนาง กล่าวออกไปโดยไม่กะพริบตาว่า
“พวกเจ้าถอยออกไปให้หมดก่อน เคี่ยวยาเสร็จแล้วคอยนำเข้ามา”
รอจนกระทั่งเหลือเพียงพวกเขาสองคน เฮยทั่วเทียนจึงนั่งลงบนขอบเตียงและมองนาง
ฉู่เหลียนเฉิงอายุน้อยมีพรสวรรค์ในการเรียนรู้จึงได้เป็นที่รู้จักไปทั่วในหนานฉู่ แม้สุขภาพร่างกายอ่อนแอ แต่ยังคงได้รับความเคารพรักจากเหล่าราษฎร ผู้คนล้วนกล่าวว่านางรักราษฎร รักสัตว์ ไม่มีการถือตัวว่าตนเป็นราชนิกุล ทั้งบรรเทาความทุกข์ยาก และรับฟังความคิดเห็นของราษฎร เมื่อนางออกไปข้างนอกก็มักจะได้รับการต้อนรับและเสียงตะโกนให้กำลังใจจากราษฎรที่มารอกันแน่นขนัดอยู่ทั้งสองข้างทาง ความสามารถยอดเยี่ยมนี้ของนางได้สั่นคลอนใต้หล้า หลายปีก่อนเป็นเพราะฮ่องเต้หนานฉู่ได้หลงเชื่อคำใส่ร้ายขององค์หญิงใหญ่ คิดว่าฉู่เหลียนเฉิงยุยงให้เหล่าบัณฑิตในสำนักศึกษาวิจารณ์การเมือง นางจึงถูกจับไปทรมาน หลังจากผ่านเรื่องนี้มาหลายปีทั้งฮ่องเต้หนานฉู่ และองค์หญิงใหญ่ก็ยังคงรู้สึกระแวงต่อฉู่เหลียนเฉิงเช่นเดิม จึงได้ส่งนางมาเป็นตัวประกันที่เป่ยโม่ อีกทั้งตั้งใจตัดขาดนางจากชีวิตของพวกเขา
เพียงแต่เขาคิดว่าเรื่องที่นางถูกบังคับให้กินยาพิษอาจเป็นเพียงข่าวลือ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่กล้าที่จะเสนอตัวเข้ารับตำแหน่งเช่นนี้…เขารู้แต่แรกแล้วว่าแม้สุขภาพนางจะอ่อนแอ แต่นางก็ยังมีประโยชน์ต่อเขาเป็นอย่างมาก เพราะการที่เขาคิดจะยึดหนานฉู่นั้นไม่นับเป็นเรื่องยากอะไร แต่หากจะกำราบสักแคว้นหนึ่งให้ยอมศิโรราบและทำให้ราษฎรเกิดความสงบสุขขึ้นได้นั้นกลับต้องมีแผนการที่ดี
เขาตั้งใจจะยึดหนานฉู่มาเป็นส่วนหนึ่งของเป่ยโม่ให้ได้ จึงจำเป็นต้องมีผู้นำคนหนึ่งซึ่งจงรักภักดีต่อเป่ยโม่อีกทั้งสามารถทำให้ราษฎรในแคว้นนั้นสงบไม่ลุกขึ้นมาสู้กับเป่ยโม่ได้ด้วย และเขาคิดว่าฉู่เหลียนเฉิงจะเป็นคนผู้นั้น
แต่แผนการนี้ยังไม่ทันได้เริ่ม นางกลับล้มลงเสียแล้ว
เขาไม่ชอบให้เกิดเรื่องที่เกินกว่าเขาจะควบคุมมันได้ และนาง…ไม่เคยอยู่ในการควบคุมของเขาได้เลย
เฮยทั่วเทียนจ้องมองนาง ทันใดนั้นก็ยื่นมือออกไปทดสอบลมหายใจของนาง
ลมหายใจแม้อ่อนแรงแต่ถือว่ายังไม่ตาย