จนกระทั่งเหล่าข้ารับใช้ในวังล้วนถอยออกไปกันหมดแล้ว อันเฉี่ยวเอ๋อร์จึงลดผ้าม่านหนาหนักบนแท่นบรรทมลง ก่อนถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเป็นใย “องค์ชาย พระองค์…ทรงไม่ถูกจับได้กระมังเพคะ”
ในเวลานี้เนี่ยชิงหลินองค์ชายสิบสี่ถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาค่อยๆ เปลื้องอาภรณ์ของตนเองออกพลางมองดูสีหน้าเคร่งเครียดของอันเฉี่ยวเอ๋อร์ พร้อมกับปลอบประโลมด้วยรอยยิ้ม “โชคดีที่ก่อนหน้าที่จะถูกจับตัวไปยังท้องพระโรงข้าไม่ได้ดื่มน้ำมากเกินไป ข้างตัวข้ามีคนปัสสาวะราดจนเปียกแฉะเป็นวงกว้างเลยล่ะ แม้แต่เสด็จพี่หกที่ยามปกติเคร่งครัดถือตัวก็ดูเหมือนจะปล่อยออกมาหลายครั้ง เกือบทำเสื้อคลุมของข้าเปียกไปด้วยแล้ว ดีที่ตรงเป้ากางเกงของข้าแห้งสนิท ไม่อย่างนั้นคงได้ถูกข้ารับใช้ที่อยู่ด้านนอกจับไปเปลี่ยนกางเกงแน่ ขืนเป็นอย่างนั้นคงได้กลายเป็นเรื่องใหญ่”
อันเฉี่ยวเอ๋อร์เห็นเจ้านายของตนยังคงไม่อนาทรร้อนใจแม้จะเกิดเหตุการณ์พลิกผันเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้ก็อดทอดถอนใจไม่ได้ ก่อนกล่าวขึ้นว่า “นี่เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งบาปกรรมที่ได้หว่านไว้โดยแท้ ผลของกรรมจึงตามมาไม่หยุดหย่อน ความคิดชั่ววูบของลี่ผินในตอนนั้นช่างทำร้ายองค์ชายจริงๆ เลยนะเพคะ…”
เนี่ยชิงหลินในยามนี้กำลังถอดเสื้อคลุมชั้นนอกและปลดเสื้อบุนวมออกอยู่ เผยให้เห็นรูปร่างบอบบางของเขา ถึงแม้จะผอมแห้งไปสักหน่อย แต่ขอเพียงเป็นคนที่ตาไวสักหน่อยย่อมสังเกตเห็นความผิดปกติบนหน้าอกที่นูนออกมาเล็กน้อยได้ทันที…นี่เป็นองค์ชายที่ใดกัน เห็นชัดๆ ว่าเป็นองค์หญิงที่ยังไม่เจริญวัยเต็มที่ต่างหากเล่า
อันเฉี่ยวเอ๋อร์ถอนหายใจอีกครั้ง “ตอนที่ยังเด็กก็ปิดบังง่ายอยู่หรอกเพคะ เป็นชายหรือหญิงก็ยากแยกแยะได้ แต่ตอนนี้เริ่มเจริญชันษาขึ้นแล้ว จะปิดบังต่อไปได้อย่างไรกัน”
เนี่ยชิงหลินเปลี่ยนมาสวมชุดนอน เมื่อมองดูสีหน้าเศร้าหมองของอันเฉี่ยวเอ๋อร์แล้วนางก็พูดพลางยิ้มน้อยๆ “บรรดาท่านอาทั้งหลายของข้าพวกนั้นล้วนเป็นพวกเรื่องมากหาเรื่องวุ่นวายได้อยู่ร่ำไปทั้งสิ้น ราชครูเว่ยผู้นั้นมีเรื่องสำคัญต้องจัดการมากมายเพื่อให้ใต้หล้าอยู่กันอย่างสงบสุขสันติ เขาเจียดเวลามาแยกแยะความจริงแท้หรือปลอมของข้าไม่ได้หรอก แค่ว่านับแต่นี้ไปทั้งเจ้าและข้าจะถูกจับวางตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ในห้องโถงแห่งนี้ พวกเราจำต้องระมัดระวังคำพูดและการกระทำให้มากยิ่งขึ้น จำให้ขึ้นใจเป็นพอว่าราชครูเว่ยผู้นั้นต่างหากที่เป็นเจ้านายที่แท้จริงของวังแห่งนี้ เวลาอยู่ต่อหน้าเขาต้องอ่อนน้อมเคารพนบนอบเชื่อฟัง อย่าคิดว่าตนเองเป็นโอรสสวรรค์ราชันมังกรจริงๆ แล้วผูกใจเจ็บพยาบาทอาฆาตแค้นศัตรูที่ทำลายบ้านเมืองและครอบครัวเป็นอันขาด”
อันเฉี่ยวเอ๋อร์พยักหน้าหงึกๆ ตอนนี้นางใกล้จะถึงวัยสามสิบปี นับว่าอยู่ในวังมาครึ่งค่อนชีวิตแล้ว เหตุผลมากมายในเรื่องนี้นางจะไม่เข้าใจได้อย่างไรกัน เดิมทีนี่ก็เป็นสิ่งที่นางอยากกำชับ ‘องค์ชายสิบสี่’ อยู่พอดี แต่ตอนนี้ชะรอยว่าเด็กสาวผู้นี้ได้เข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ดีแล้ว
เฮ้อ หากทายาทเพียงคนเดียวที่ลี่ผินหลงเหลือไว้เป็นเด็กชายจริงๆ เขาคงจะเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาสง่างามมีความกล้าหาญเอาการทีเดียว!
แต่โชคชะตาก็ชอบเล่นตลกกับคนเสียนี่กระไร เพียงก้าวแรกที่เดินผิดพลาดก็ต้องพลอยตามน้ำ และถูกบีบบังคับกลายๆ ให้เดินมาจนถึงจุดนี้…ครั้นนึกถึงราชครูเว่ยมือสังหารจิตใจโหดเหี้ยมที่แสนทะเยอทะยานฆ่าคนเป็นว่าเล่นผู้นั้นแล้ว อันเฉี่ยวเอ๋อร์ก็รู้สึกเพียงว่าหนทางในภายภาคหน้าของเจ้านายตัวน้อยของตนนั้นช่างเลือนรางเหลือเกิน เจ้าโจรผู้นั้นจะปล่อยให้ฮ่องเต้ประทับบนบัลลังก์มังกรจนเติบใหญ่พอปกครองบ้านเมืองได้อย่างนั้นหรือ
ลองนับดูคร่าวๆ อีกเพียงหนึ่งปีเท่านั้นฮ่องเต้ก็จะมีอายุสิบหกพรรษา เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เกรงว่ายังไม่ทันถึงวันเกิดปีที่สิบหก สุราพิษจอกหนึ่งจะถูกถวายมาให้ก่อนกระมัง…
ชีวิตของเด็กสาวผู้นี้…ล้วนไม่เคยเป็นของนางเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว!