ผิงซีอ๋องเนี่ยผูเป็นบุตรชายคนโตที่เกิดจากชายาเอกของพระอนุชาคนที่ห้าของฮ่องเต้พระองค์ก่อน เขาได้รับการสืบทอดบรรดาศักดิ์ต่อจากบิดา อีกทั้งยังเป็นท่านอ๋องที่ได้รับที่ดินศักดินาใหญ่ที่สุด และมีกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาองค์ชายที่เป็นเชื้อพระวงศ์ด้วยกัน
เนี่ยชิงหลินเคยเห็นหน้าค่าตาเนี่ยผูมาก่อนสองสามครั้งตอนรวมญาติของตระกูล แต่ผิงซีอ๋องผู้นี้ไม่น่าจะจำนางได้ว่าคือคนใด
แต่ในฎีกาที่ยื่นมานี้ดูเหมือนว่าเขามีความสนิทสนมแน่นแฟ้นกับฮ่องเต้พระองค์ใหม่เสียเหลือเกิน ความโดยรวมมีอยู่ว่าฮ่องเต้พระองค์ใหม่ได้เขียนสารถึงเขาซึ่งเป็นญาติผู้พี่เป็นการส่วนตัว โดยกล่าวหาราชครูว่าโหดร้ายกดขี่ข่มเหงต่างๆ นานา บัดนี้ราชครูบีบบังคับโอรสสวรรค์เพื่อบงการเหล่าขุนนางผู้สูงศักดิ์ ได้แต่หวังว่าพี่น้องในราชวงศ์ทุกท่านจะรีบกำจัดคนชั่วที่อยู่รอบตัวฮ่องเต้ และช่วยฮ่องเต้พระองค์ใหม่ให้พ้นจากภัยอันตรายโดยเร็วที่สุด
เนี่ยชิงหลินอ่านไปได้ไม่กี่บรรทัดเปลือกตาของนางก็เริ่มกระตุกริกๆ พี่ชายหนอพี่ชาย พวกเราล้วนแซ่เนี่ยเหมือนกัน เหตุใดต้องทำร้ายกันเองด้วยเล่า!
ข้ออ้างนี้ช่างไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ต่อให้นางมีใจคิดขอความช่วยเหลือจากภายนอกเพื่อทวงความชอบธรรมให้สกุลเนี่ย แต่บัดนี้วังหลวงได้เปลี่ยนเป็นของคนแซ่เว่ยแล้ว เหตุใดต้องพูดถึงการส่งสารไปให้ด้วย ในเมื่อลมหายใจของฮ่องเต้พระองค์นี้ยังไม่อาจเล็ดลอดออกนอกตำหนักไปได้เลย
เนี่ยผูผู้นี้อาศัยว่าตนมีกำลังทหารและกองทัพม้าที่แข็งแกร่ง ในขณะที่เว่ยเหลิ่งเหยายังไม่สามารถโยกย้ายอ๋องและพวกชนชั้นสูงได้โดยพลการ เนี่ยผูจึงถือโอกาสปฏิเสธที่จะส่งมอบบรรณาการให้โดยอ้างว่าเจ็บปวดใจไปกับญาติผู้น้องผู้เป็นฮ่องเต้ของตน จากนั้นก็ทุบตีเจ้าหน้าที่ที่ทางราชสำนักส่งตัวมารับของบรรณาการประจำปีจนปางตายแล้วโยนตัวเขาออกไปนอกเมือง
นี่เป็นการแสดงอำนาจให้เว่ยเหลิ่งเหยาเห็นสักคราหนึ่ง คิดจะยึดทรัพย์สินของเนี่ยผูน่ะหรือ ไม่มีทางเสียหรอก!
เว่ยเหลิ่งเหยาก็รู้ทันความคิดสกปรกอันน่ารังเกียจของเนี่ยผูเช่นกัน เขาย่อมไม่สนใจสิ่งที่ฮ่องเต้ไร้ประโยชน์พระองค์นี้ทำลงไปเป็นธรรมดา
แต่เมื่อเนี่ยผูเริ่มทำเช่นนี้แล้ว บรรดาอ๋องและชนชั้นสูงทั่วทุกหนแห่งก็ต้องเอาเป็นเยี่ยงอย่างแน่นอน หากวันนี้เก็บบรรณาการรายปีไม่ได้ ทหารที่ประจำการอยู่ตามชายแดนเมืองหลวงคงต้องหิวโซเป็นแน่แท้
ดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ถูกฮ่องเต้แห่งต้าเว่ยผู้ไร้ความสามารถพระองค์ก่อนทำเสียหายยับเยินไปแล้วกว่าครึ่ง จากนี้จะเดินหมากที่เพลี่ยงพล้ำไปแล้วอย่างไรดี หากมิใช่เพราะขุนนางเจ้าเล่ห์มีความสามารถอยู่บ้าง คงพลิกหมากที่หมดทางสู้ไปแล้วให้ฟื้นขึ้นมาใหม่ไม่ได้จริงๆ
คิดดูแล้วตอนนั้นที่ลงมือสังหารฮ่องเต้ผู้โง่เขลานั่น เขาน่าจะฟันดาบลงไปให้เจ็บปวดอีกสักสองสามฉับก็ดี ไม่ควรปล่อยให้อีกฝ่ายลงไปเสวยสุขในนรกง่ายๆ เช่นนี้เลย
เมื่อครู่หลังจากเว่ยเหลิ่งเหยาเลิกประชุมราชสำนักแล้วก็ไม่ได้ขึ้นรถม้า กลับสาวเท้าเดินเอื่อยๆ อยู่ในวังมาครึ่งค่อนวัน เขาคิดหาวิธีตอบโต้ได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ประจวบเหมาะว่าเดินมาถึงตำหนักบรรทมของฮ่องเต้พอดี ไฟโทสะคุกรุ่นที่มีต่อฮ่องเต้ผู้โง่เขลาพระองค์ก่อนซึ่งสุมอยู่ในอกของเขาจึงระบายใส่โอรสผู้เคราะห์ร้ายได้พอดี ซึ่งก็นับว่าไม่สูญเปล่าเสียทีเดียว
หลังจากเนี่ยชิงหลินกระจ่างในต้นสายปลายเหตุแล้ว นางก็สังเกตสีหน้าของเว่ยเหลิ่งเหยาอีกครา รู้แก่ใจดีว่าสถานการณ์ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือเอาเสียเลย! เมื่อเห็นเว่ยเหลิ่งเหยานั่งลงบนตั่งนุ่มที่นางเอนกายอยู่ก่อนหน้านี้ นางจึงถามขึ้นอีกครั้งอย่างระมัดระวังว่า “ท่านราชครูหิวหรือยัง อยากลองชิมหมั่นโถวไส้เนื้อที่เพิ่งย่างเสร็จสักหน่อยหรือไม่”