นัยน์ตาของจย่าเอ้อร์หลางกลอกไปมาหลายครั้ง ดื่มสุราไปอีกหลายจอก ก่อนจะพลันนึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาได้ จึงโน้มตัวลงไปชิดร่างหลงจู๊เกาพลางกระซิบเบาๆ “หลงจู๊เกา ข้าพลันนึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาได้ เป็นหลานสาวของข้าเอง เวลาเกิดของนางข้าจำได้ไม่แน่ชัด ทว่าข้าจำได้ว่าวันที่นางเกิดเป็นวันเทศกาลตวนอู่* ช่วงบ่ายของวันเทศกาลตวนอู่ พ่อของนางมาแจ้งข่าวดี บอกว่าน้องสาวของข้าคลอดลูกสาว ตอนนั้นมีหมอดูเซียนเดินผ่านมาได้ยินเวลาตกฟากของนางก็พูดออกมาประโยคหนึ่ง ดวงชะตาต่ำต้อยก็แล้วไปเถิด ยังเป็นภัยต่อบิดาเป็นภัยต่อมารดา ตอนนั้นทุกคนต่างไม่ใส่ใจ ปรากฏว่าเพียงไม่กี่ปีพ่อของนางก็ถูกดวงชะตาของนางส่งผลกระทบตายไปแล้ว”
“อะไรนะ มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือ”
จย่าเอ้อร์หลางมองแววตาคมกริบของหลงจู๊เกาอย่างใจฝ่อแวบหนึ่ง คิดจะหาคำพูดอะไรมากลบเกลื่อน แต่พอนึกถึงเงินจิตใจที่รู้บาปบุญคุณโทษก็ถูกเงินกลบฝังไปหมด ฝืนทำจิตใจให้สงบแล้วพยักหน้า พูดอย่างเป็นจริงเป็นจัง “เรื่องก็เป็นเช่นนั้น หลานสาวของข้าคนนั้นปีที่แล้วทำให้พ่อของนางตาย และได้ตามแม่ของนางกลับมาอยู่บ้านตายาย แต่นับแต่ครอบครัวของนางสามคนกลับมา ไก่ที่บ้านข้าเลี้ยงไว้ก็เหมือนติดโรคห่าไก่พากันล้มตาย ที่ประหลาดยิ่งกว่านั้นก็คือเมื่อหลายวันก่อนศีรษะของนางถูกทุบ นอนหายใจรวยรินอยู่สามวัน ไม่อาจทนพิษบาดแผลได้ แต่ท่านรู้หรือไม่ มหัศจรรย์ยิ่ง!”
“มหัศจรรย์อย่างไรกัน”
“เห็นอยู่ว่านางไม่มีลมหายใจแล้ว กำลังจะหามออกไปฝัง ในเวลานั้นเองจู่ๆ นางก็ลืมตาโตขึ้นมามองพวกเราอย่างน่าสะพรึงกลัว ทำเอาพวกเราขวัญกระเจิงกันไปทั้งบ้าน”
หลงจู๊เกานัยน์ตาเบิกกว้าง “มีเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้ด้วยหรือ!”
จย่าเอ้อร์หลางกระตุกชายแขนเสื้อหลงจู๊เกาทีหนึ่งพลางลดเสียงลงต่ำแล้วว่า “ท่านดูเถิด หากไม่ใช่นางดวงแข็ง ยมบาลมีหรือจะไม่กล้ารับนางไป ทั้งยังส่งนางกลับมาอีก”
“คำพูดของเจ้าออกจะมีเหตุผล ดวงแข็งทั้งยังเป็นภัยต่อบิดานับเป็นตัวเลือกที่ดี” หลงจู๊เกาพยักหน้าเห็นด้วย “เพียงแต่อาศัยเพียงสองเรื่องนี้ยังไม่พอ ยังต้องรู้วันเดือนปีเกิด…”
“หลงจู๊เกา เมื่อครู่ท่านไม่ใช่บอกว่ามีอักษรแปดตัวอันหนึ่งเป็นวันเทศกาลตวนอู่หรอกหรือ” จย่าเอ้อร์หลางเอ่ยเตือนเขา
“จริงด้วย พอร้อนใจขึ้นมา ข้าถึงกับลืมไปเสียได้ เจ้าแน่ใจหรือว่าหลานสาวของเจ้าคนนั้นเกิดในวันเทศกาลตวนอู่ ข้าขอเตือนเจ้าอย่างจริงจัง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ถ้าเจ้าพูดจาหลอกลวงเพียงเพราะอยากได้เงินรางวัล นายท่านของเราหาใช่พวกถือศีลกินเจ”
“หลงจู๊เกา ท่านดีต่อข้าเพียงนี้ ข้าจย่าเอ้อร์หลางหลอกลวงใครก็ไม่อาจหลอกลวงท่าน ท่านว่าใช่หรือไม่ อีกทั้งคนที่เราเอ่ยถึงนี้ ทางนายท่านของพวกท่านก็ต้องตรวจวันเดือนปีเกิดให้แน่ชัดก่อนจึงจะเห็นชอบ ไม่ผิดกระมัง”
“ไม่ผิด”
“หลงจู๊เกา ไว้กลับไปแล้วข้าจะส่งอักษรแปดตัวที่ถูกต้องของนางหนูนั่นมาให้ ถ้าเหมาะสม เรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่ของข้าเอง รับรองไม่ทำให้งานใหญ่ของนายท่านของท่านต้องล่าช้าแน่นอน”
“เรื่องนี้ถ้าทำสำเร็จ นายท่านของเราต้องตอบแทนอย่างงามแน่นอน ส่วนหลานสาวผู้นั้นของเจ้าก็จะไม่ทำให้นางต้องเสียเปรียบ”
หลงจู๊เกามองสีหน้ามั่นอกมั่นใจของเขาแล้วไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่พอนึกถึงภารกิจที่นายท่านมอบหมาย ก็ไม่อยากคิดอะไรมาก ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ขอเพียงให้นายท่านรู้ว่าเขาพยายามทำงานให้นายท่านเต็มที่แล้วก็พอ
“เอ้า เงินสามสิบตำลึงนี่เจ้าเอาไปใช้จ่ายก่อน เรื่องนี้ก็ขอมอบให้เจ้า หลังจากเรื่องสำเร็จแล้วย่อมต้องตอบแทนให้อย่างงาม ผลประโยชน์ส่วนของเจ้าไม่ขาดหายแน่นอน” หลงจู๊เกาผลักตั๋วเงินสามสิบตำลึงใบหนึ่งมาตรงหน้าเขา
พอเห็นตั๋วเงิน จย่าเอ้อร์หลางก็ดีใจยิ้มแย้มหน้าบาน ผงกศีรษะติดๆ กัน “หลงจู๊เกา ท่านวางใจ ขอเพียงอักษรแปดตัวเหมาะสมกัน ข้าจะต้องทำให้น้องสาวของข้าเห็นดีเห็นงามให้หลานสาวแต่งกับนายน้อยบ้านท่าน”
“อืม ข้าจะรอเจ้าส่งอักษรแปดตัวมา”
“จริงสิ หลงจู๊เกา ก่อนที่เรื่องนี้จะสำเร็จ ท่านไม่อาจแพร่งพรายออกไป ถ้าให้ท่านแม่ข้ารู้เรื่องนี้เข้า นางจะต้องเอามีดหั่นผักฟันข้าแน่”
“เจ้าวางใจเถิด การจัดงานมงคลเพื่อแก้ดวงเดิมก็เป็นเรื่องที่ถูกคนตำหนิวิพากษ์วิจารณ์ลับหลังอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีอักษรแปดตัวแบบนั้น พูดออกไปย่อมไม่เป็นผลดีต่อหญิงสาวผู้นั้น ไม่ว่าเรื่องจะสำเร็จหรือไม่ ข้าก็จะปิดเป็นความลับอย่างแน่นหนา”
“เช่นนั้นก็ดียิ่ง ข้าจะกลับไปเอาอักษรแปดตัวเดี๋ยวนี้” จย่าเอ้อร์หลางหลังจากค้อมเอวก้มคำนับก็รีบคว้าตั๋วเงินสามสิบตำลึงกลับไปหมู่บ้านต้าเคิง