ทุกวันผู้เฒ่าจย่าจะต้องมายืนที่หน้าประตูแผดเสียงด่าว่าต่างๆ นานาว่าตนเลี้ยงคนเสียข้าวสุก นางเด็กต่ำช้ารู้จักแต่กินไม่ทำงาน มีดวงชะตาสาวใช้แต่ทำตัวเป็นคุณหนู ด้วยเหตุนี้เมื่อแผลบนศีรษะของเหมยหรูเซียนเพิ่งจะดีขึ้น แม้จย่าอิ๋งชุนจะไม่อาจตัดใจเพียงใดก็ไม่กล้าให้นางนอนรักษาตัวอยู่ในห้องต่อไป และให้นางจูงน้องชายไปข้างนอกช่วยหาผักให้หมู จะได้ไม่ต้องอยู่บ้านถูกผู้เป็นตาอ้างเหตุหาเรื่องยุ่งยากมาให้
เหมยหรูเซียนจูงมือเหมยชิงหยวนไปพลางสำรวจสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านต้าเคิงไปด้วย ที่นี่เป็นหลุมใหญ่จริงด้วย* นางทำให้ตนเองติดหล่มอยู่ในหลุมแล้ว จึงตกลงมาสิงร่างคนในสถานที่เช่นนี้
ตอนนั้นนางน่าจะเล็งให้แม่นยำหน่อย พุ่งไปยังเมืองใหญ่ที่เจริญคึกคัก ถึงไม่อาจเป็นบุตรสาวคนร่ำรวยมีฐานะสูงส่ง อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้พอมีอันจะกินกระมัง
แต่ปรากฏว่ากลับมาอยู่ที่ชนบทกันดารจนไม่อาจจะกันดารมากไปกว่านี้ได้อีก คิดจะหาที่ทำงานสักแห่งก็ยังหาไม่ได้
หมู่บ้านต้าเคิงแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบในหุบเขาหนิวปี๋ ประชากรในหมู่บ้านไม่น้อย ราวร้อยกว่าครัวเรือนได้ นอกจากคนพื้นเพที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ในละแวกใกล้เคียงกระจัดกระจายมานานนับสิบชั่วคนจำนวนสี่สิบกว่าหลังแล้ว คนในหมู่บ้านที่เหลือส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่หนีภัยและความวุ่นวายอันเกิดจากสงครามเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อนเข้ามาที่นี่ สุดท้ายก็พักอาศัยอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ และหุบเขาก็ค่อยๆ กลายเป็นหมู่บ้านขึ้นมา
ที่นี่แม้จะมีคนไม่น้อย แต่สถานที่กว้างใหญ่มาก ครัวเรือนส่วนใหญ่ตั้งกระจัดกระจายไปทั่ว บ้านแต่ละหลังตั้งอยู่ห่างกันมาก ตามที่นางคาดเดาด้วยสายตาระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อยต้องมีหลายร้อยฉื่อ* ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ทำอาชีพปลูกข้าวโพด
เวลานี้ไม่ใช่ช่วงยุ่งกับการเพาะปลูก ด้วยเหตุนี้จึงมักเห็นคนแก่จับกลุ่มกันสามคนห้าคนอยู่ใต้ต้นไม้พูดคุยเล่นกัน
มองชาวบ้านเหล่านั้นที่เอาแต่จับกลุ่มกันซุบซิบนินทา นางก็อดแค่นเสียงดูถูกอยู่ในใจไม่ได้ ไม่ขยันหมั่นเพียรเช่นนี้ มิน่าหมู่บ้านต้าเคิงจึงเป็นหมู่บ้านที่ยากจนที่สุดในเมืองโยวโจว
ที่นี่บ้านทุกหลังล้วนเป็นกระท่อมมุงหญ้าคา น่าจะใช้เวลาที่ว่างจากงานในไร่นามาซ่อมแซมหลังคาบ้าน เปลี่ยนหญ้าที่มุงหลังคาเสียใหม่ ทว่าตลอดทางที่เดินผ่านมาสิ่งที่นางเห็นก็ไม่ต่างอะไรกับบ้านสกุลจย่าหลังคาบ้านมีตะไคร่น้ำขึ้นเต็มไปหมด ขอเพียงฝนตกลงมาแรงหน่อย น้ำก็จะรั่วเข้าไปในบ้านได้
จากจุดนี้ก็พอจะมองเห็นแล้วว่าคนในหมู่บ้านนี้เกียจคร้าน ยอมปล่อยให้น้ำฝนรั่วเข้าบ้าน แล้วจับกลุ่มพูดคุยเล่นกันอยู่ข้างนอก เช่นนี้จะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร
คนบ้านสกุลจย่าเองก็เป็นเช่นนี้ ตอนพวกนางสามคนกลับมาถึงบ้านสกุลจย่า นอกจากท่านยายกับท่านลุงใหญ่แล้ว คนอื่นที่เหลือต่างแทบรอไม่ไหวที่จะโยนงานทั้งนอกบ้านในบ้านให้พวกนางสามแม่ลูก ตนเองจะได้ไปเที่ยวเล่น
ถ้านางกับแม่และน้องชายอยู่ที่นี่ต่อไป สักวันไม่ช้าก็เร็วต้องถูกพวกเขาทรมานจนตาย ไม่ได้ นางจะต้องคิดหาหนทางพาแม่กับน้องชายไปจากที่นี่
“พี่สาว ท่านกำลังโกรธอะไรอยู่หรือ”
“ไม่มี พี่ไม่ได้โกรธ”
“แต่สีหน้าของท่านเหมือนกำลังโกรธอยู่” เหมยชิงหยวนมองนางด้วยท่าทางหวาดกลัวเล็กน้อย
“ไม่มี พี่ไม่ได้โกรธ พี่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่” นางจูงเหมยชิงหยวนเดินขึ้นเขาไปตามทางเดินเล็กๆ
เมื่อนึกถึงว่าตอนเช้าพี่สาวไม่ได้เอาของให้เขากิน เหมยชิงหยวนก็อดถามขึ้นไม่ได้ “พี่สาว อีกายังไม่ได้คาบของมาให้ท่านหรือ”
นางจูงเขาเดินมาถึงหินใหญ่ก้อนหนึ่งแล้วนั่งลง จุดนี้ค่อนข้างสูง สามารถมองลงไปเห็นทัศนียภาพในหมู่บ้าน “มา เรามานั่งตรงนี้กัน”
รอเขานั่งลงเรียบร้อย นางก็หยิบลูกกวาดสีสันสดใสแวววาวห่อเล็กห่อหนึ่งออกมาจากหลัวไม้ไผ่ที่แบกอยู่ข้างหลัง “เอ้า ให้”
เหมยชิงหยวนร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ลูกกวาด!”