พื้นที่แห่งนี้โดยหลักๆ แล้วใช้ผลิตน้ำผึ้งกับเลี้ยงตัวไหม ตัวไหมเหล่านั้นเป็นตัวไหมเซียน สร้างใยไหมเซียนโดยเฉพาะ และน้ำผึ้งที่ได้จากผึ้งเหล่านั้นสามารถรักษาโรคได้ร้อยแปด ถอนพิษนานาชนิด ที่สำคัญที่สุดก็คือนางยังหาวิธีใช้ดวงจิตเข้ามาได้แล้ว ครานี้ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้วจริงๆ
คิดไม่ถึงเลยว่าเทพแห่งความสุขจะมีของล้ำค่าเช่นนี้ ของเหล่านี้แม้อยู่ในแดนเซียนจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่อยู่ในแดนมนุษย์กลับมีประโยชน์อย่างมาก มีพื้นที่ลับแห่งนี้อยู่ คิดว่าวันเวลาในภายภาคหน้าของนางคงไม่ลำบากเท่าไรแล้ว
ในขณะที่นางกำลังค้นต่อไปว่าพื้นที่แห่งนี้ยังมีเรื่องอะไรให้นางตื่นเต้นดีใจอีกหรือไม่ หน้าประตูใหญ่บ้านสกุลจย่าก็กำลังทะเลาะกันวุ่นวาย เสียงคำรามหนึ่งสูงหนึ่งต่ำดังขึ้นไม่หยุด แม้แต่เพื่อนบ้านที่อยู่ห่างออกไปห้าร้อยฉื่อเหล่านั้นต่างก็ได้ยินเสียงโก่งคอแผดคำรามแว่วๆ
เสียงนี้ดึงดูดคนในหมู่บ้านให้แห่กันมา ที่ข้างกำแพงหน้าประตูใหญ่มีคนในหมู่บ้านมาห้อมล้อมมุงดูอยู่เต็มไปหมด
“ข้าไปรับปากจะให้หลานสาวแต่งไปบ้านนายท่านของพวกเจ้าเพื่อช่วยแก้ดวงตั้งแต่เมื่อไร!” ผู้เฒ่าจย่าแผดเสียงคำรามใส่หลงจู๊เกาที่ยืนอยู่หน้าประตู
สกุลจย่าของเขาแม้จะยากจน แต่ยังนับว่ามีข้าวกินอิ่มท้อง ถ้าขายหลานสาวให้คนไปแต่งงานแก้ดวง เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด เขาผู้เป็นเสาหลักของบ้านไม่อาจปล่อยให้คนในหมู่บ้านด่าว่าประณามได้! อย่าว่าแต่เขามีเป่าเหลียนหลานสาวที่เกิดจากลูกชายคนรองอยู่เพียงคนเดียว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจตัดใจให้นางแต่งไปเพื่อแก้ดวงให้ผู้อื่นได้
“หลงจู๊เกาจะมาซื้อนางหนูจย่าเป่าเหลียนนั่นไปแต่งงานเพื่อแก้ดวงหรือ”
“โธ่เอ๊ย น่าขายหน้ายิ่งนัก”
“เพื่อเงินที่สุกใสแวววาวแล้วถึงกับขายหลานสาวไปแก้ดวงให้คนอื่น สูญสิ้นจิตใจที่รู้ชั่วดี น่าอับอาย!”
ผู้เฒ่าจย่าเห็นสายตาดูถูกดูแคลนของคนในหมู่บ้านก็พลันอับอายจนหน้าแดง มือใหญ่ยกขึ้นโบกแรงๆ “ท่านเอาเงินกับของเต็มคันรถนี้กลับไปเสียเถิด บ้านสกุลจย่าของข้าต่อให้อดตาย ยากจนตาย ก็ไม่มีวันขายเป่าเหลียนให้พวกท่านไปล้างเสนียดจัญไร ท่านเลิกล้มความคิดนี้เสียเถิด”
“ใช่แล้ว เป่าเหลียนของเราเป็นลูกรักของบ้าน ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ขายให้พวกท่านเด็ดขาด” เฮ่อซื่อคว้าจอบพุ่งออกมาเอ่ยเสียงแหลมด้วยโทสะที่พุ่งสูงเทียมฟ้า “ถ้าพวกท่านยังกล้าคิดจะเอาตัวเป่าเหลียนของเราไป ข้าก็จะยอมทุ่มชีวิต สู้ตายกับพวกท่าน!”
หลงจู๊เกาย่นหัวคิ้ว มองผู้เฒ่าจย่าและคนสกุลจย่าที่อยู่ข้างหลังเขา กระแอมเสียงหนักออกมาคำหนึ่ง “ข้าไม่รู้ว่าเป่าเหลียนที่พวกเจ้าพูดคือใคร ทว่าแม่นางที่ข้าจะมาพาตัวไปวันนี้หาได้ชื่อเป่าเหลียนไม่”
“ไม่ใช่เป่าเหลียน เช่นนั้นท่านมาทำอะไรที่บ้านข้า” ผู้เฒ่าจย่าถามขึ้น
“ข้ามารับตัวแม่นางเหมยหรูเซียน มารดาของนางลงชื่อแล้ว ขายนางในราคาห้าสิบตำลึงให้นายท่านของเราไปแต่งงานแก้ดวง วันนี้ข้ามารับตัวไปจากนั้นก็จ่ายเงินห้าสิบตำลึงให้พวกเจ้า” หลงจู๊เกาหยิบสัญญาที่มีลายนิ้วมือประทับเป็นหลักฐานออกมา กวัดแกว่งตรงหน้าคนทั้งบ้าน
พอได้ยินว่าคนที่เขาจะมาเอาตัวไปคือเหมยหรูเซียน ผู้เฒ่าจย่ากับเฮ่อซื่อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จย่าอิ๋งชุนที่หลบอยู่ด้านหลังสุดมาโดยตลอดพอได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็พุ่งออกมาลนลานโต้แย้งทันที “ไม่มีๆ ข้าไม่เคยบอกจะขายหรูเซียนของเรา ยิ่งไม่เคยลงชื่อหรือประทับลายนิ้วมือในสัญญาขายตัวอะไรด้วย”
“ไม่มี? ในสัญญาฉบับนี้ที่ประทับอยู่คือลายนิ้วมือของเจ้า!”
“ไม่มีจริงๆ ข้าไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน” จย่าอิ๋งชุนสั่นศีรษะเอาเป็นเอาตายพลางร้องขึ้นมาด้วยความร้อนใจ “เรื่องขายลูกสาวเช่นนี้ ตีให้ตายข้าก็ไม่มีทางทำ!”
“จะเป็นไปได้อย่างไร จย่าเอ้อร์หลางบอกว่าเจ้าเป็นคนประทับลายนิ้วมือด้วยตนเอง ไม่ผิดแน่” ทางนายท่านได้มีคำสั่งลงมาแล้ว ให้เขารีบเอาคนส่งไปเมืองหลวง หลงจู๊เกาไม่อยากทำให้เรื่องที่ได้รับมอบหมายมาต้องล้มเหลว ตอนนี้เขาคิดเพียงหาตัวคนให้พบแล้วคุมตัวไป
“พี่รองของข้า…ไม่มี…ข้าไม่เคย…” จย่าอิ๋งชุนมองสัญญาขายตัวในมือหลงจู๊เกาใบนั้นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ทันใดนั้นนางก็เบิกตาโพลง หันไปมองเฮ่อซื่อ ยกมือชี้หน้าอีกฝ่าย กล่าวประณามด้วยความโกรธแค้น “พี่สะใภ้รอง เป็นเจ้า วันนั้นเจ้าโกหกข้าบอกผู้ใหญ่บ้านจะแจกข้าว คนที่รับต้องประทับลายนิ้วมือ เป็นเจ้าที่หลอกข้าขายหรูเซียนให้ผู้อื่นไปแก้ดวง!”