นางเห็นว่าตนมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นดีมาก รูปโฉมก็ได้รับการยอมรับ แต่ยังไม่ถึงขั้นดึงดูดเทพผู้เลอโฉมทั้งสองให้มาชื่นชอบโปรดปรานในเวลาเดียวกันกระมัง!
เซียนเทพสูงสุดเห็นนางไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมรับว่าตนผิด จึงขว้างค้อนเบิกศาลในมือไปที่นางด้วยความโมโห “อย่าคิดว่าเจ้าไม่ยอมรับผิดแล้วข้าก็จะจัดการเจ้าไม่ได้ ลำพังที่เจ้าแสดงท่าทีไม่เคารพข้า ข้าก็ลงโทษเจ้าอย่างหนักได้แล้ว!”
เทพน้อยแห่งหายนะเห็นค้อนเบิกศาลลอยมาตรงหน้าก็เบี่ยงตัวด้วยสัญชาตญาณ หลบพ้นไปได้พอดี นางดีใจที่หลบจากการถูกทำลายโฉมในครั้งนี้ไปได้ ทว่าในเวลาเดียวกันนั้นก็ทำให้เซียนเทพสูงสุดเดือดดาลถึงขีดสุด
เทพน้อยแห่งหายนะผู้นี้ถึงกับกล้าหลบหลีก เห็นชัดว่าไม่เห็นเขาผู้เป็นเซียนเทพสูงสุดอยู่ในสายตา สมควรต้องสั่งสอนนางให้หนักสักครา
เขาตวัดชายแขนเสื้อ “เข้ามา คุมตัวเทพแห่งความสุขกับเทพแห่งภัยพิบัติไปที่แท่นปลดเซียน ปลดตำแหน่งเซียนและถอดถอนฌานตบะของพวกเขาทั้งสอง ลดขั้นเป็นสามัญชน ส่วนเทพน้อยแห่งหายนะให้ผลักตกจากลานพิพากษาเซียนลงไปสู่แดนมนุษย์ พวกเจ้าสามคนลงไปอยู่แดนมนุษย์ทบทวนตนเองให้ดี จวบจนหมดอายุขัยค่อยกลับมาสู่แดนเซียน”
“ขอรับ” ผู้พิทักษ์ประจำลานพิพากษาเซียนรูปร่างสูงใหญ่เปี่ยมอานุภาพหลายคนเข้ามาคุมตัวทั้งสามไปรับโทษ
“ลุกขึ้น ชักช้าเสียเวลา ไม่เป็นผลดีต่อเจ้า” ผู้พิทักษ์ประจำลานพิพากษาเซียนที่รับหน้าที่คุมตัวเทพน้อยแห่งหายนะไปประตูสวรรค์ด้านใต้ ออกแรงดึงตัวนางขึ้นมาจากพื้น
เทพน้อยแห่งหายนะบิดมือเล็กน้อยอย่างไม่พอใจ สีหน้าเห็นความตายเหมือนการกลับสู่มาตุภูมิ หมุนตัวยกเท้าจะเดินไปทางประตูสวรรค์ด้านใต้ “อย่าแตะต้องข้า ข้าเดินเองได้”
นางเหลียวมองไปรอบๆ ลานพิพากษาเซียน เห็นเทพแห่งความสุขกับเทพแห่งภัยพิบัติกำลังจะถูกคุมตัวไปที่แท่นปลดเซียน มุมปากนางหยักยกเป็นรอยยิ้มเยียบเย็น พวกเขาเซียนใหญ่วิวาทกัน เซียนน้อยอย่างนางกลับประสบเคราะห์กรรม หากนางไม่แก้แค้นตัวการผู้ก่อกรรมทำเข็ญทั้งสองก่อนถูกขับลงสู่แดนมนุษย์ล่ะก็ ต่อไปก็คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว
ฉวยโอกาสที่ผู้พิทักษ์ไม่ทันระวัง นางถีบผู้พิทักษ์ที่คุมตัวนางกระเด็นไปด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด แล้ววิ่งเข้าไปหาเทพแห่งความสุขและเทพแห่งภัยพิบัติที่กำลังรับโทษทัณฑ์ถูกถอดถอนฌานตบะอยู่บนแท่นปลดเซียน
“เทพแห่งความสุข! เทพแห่งภัยพิบัติ!” นางส่งเสียงเรียกพวกเขา มือที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อลอบประกบนิ้วมือ แล้วดีดไปที่พวกเขาสองคนพร้อมกัน “ไหนๆ ก็จะลงไปสู่แดนมนุษย์แล้ว เห็นแก่ที่เรารู้จักกันมานาน ข้าขอมอบคำอวยพรให้พวกท่าน เทพแห่งความสุขท่านอยู่ในแดนเซียนอย่างราบรื่น ประสบโชคดีมาโดยตลอด ข้าเซียนน้อยขออวยพรท่านหลังจากลงไปเกิดในแดนมนุษย์แล้วขอให้ดวงชะตาเป็นภัยต่อบิดา เป็นภัยต่อมารดา เป็นภัยต่อภรรยาและเป็นภัยต่อบุตร ตลอดชีวิตไม่อาจแต่งงานกับสตรีที่ตนชอบ สตรีที่ท่านชอบจะต้องป่วยหนัก ถูกโรคภัยไข้เจ็บรุมเร้าร่างกายจนแก่เฒ่า
เทพแห่งภัยพิบัติ ท่านชอบสาปแช่งผู้คนให้เกิดเหตุไม่คาดคิดที่สุด ทำร้ายคนให้ต้องพิการไปตลอดชีวิต ข้าขออวยพรท่านหลังจากลงไปเกิดในแดนมนุษย์แล้วชั่วชีวิตไม่มีใครรัก กลายเป็นคนพิการ เป็นขอทานไปชั่วชีวิต กรรมใดใครก่อผู้นั้นก็เป็นคนรับ”
“เทพน้อยแห่งหายนะ เจ้า…เจ้าช่างชั่วร้าย!” เทพแห่งภัยพิบัติถูก ‘คำอวยพร’ ของนางทำให้โมโหจนแทบจะมีควันพวยพุ่งออกมาเหนือศีรษะ นัยน์ตาเบิกถลน
ทว่าก็จนปัญญาด้วยของวิเศษถูกเซียนเทพสูงสุดริบไป ไม่อาจสาปแช่ง ได้แต่ประกบนิ้วร่ายอาคมตอบโต้ แต่เขาเพิ่งนึกได้ว่าตนถูกเชือกมัดเซียนพันธนาการอยู่ ไม่อาจประกบนิ้วมือได้ ร้อนอกร้อนใจจนกระทืบเท้า ตะคอกใส่นาง “รีบถอนคำสาปกลับคืนไปเดี๋ยวนี้!”
แม้จะไม่อาจประกบนิ้วมือได้และฌานตบะก็ถูกทำลายแล้ว แต่คำสาปที่เทพเปล่งวาจาออกมามีพลังที่สุด เทพแห่งภัยพิบัติรีบท่องคำสาปแช่งภัยพิบัติ ใช้ประโยชน์จากวาจาเทพโจมตีนางกลับไป
แต่เทพแห่งความสุขต่างจากเทพแห่งภัยพิบัติ เขาแอบท่องอาคมเทพอย่างรวดเร็ว สลายคำสาปแช่งด้วยเจตนาร้ายของนาง
“ฝันไปเถอะ!” เทพน้อยแห่งหายนะไหนเลยจะยอมให้โอกาสเช่นนี้กับพวกเขา ทุ่มกำลังที่ได้จากการกินนมมารดามาทั้งหมดพุ่งไปข้างหน้า ถีบพวกเขาไปคนละที ชั่วเวลาเพียงประกายไฟแลบก็ถีบเทพแห่งภัยพิบัติและเทพแห่งความสุขตกจากแดนเซียนไป
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก เทพทั้งหลายยับยั้งไม่ทัน กว่าพวกเขาจะได้สติกลับคืนมา เทพแห่งความสุขกับเทพแห่งภัยพิบัติก็ร่วงหล่นไปสู่แดนมนุษย์ด้วยความรวดเร็วแล้ว