จย่าเอ้อร์หลางที่อยู่ด้านข้างได้ยินมารดาแช่งด่าภรรยาของตนเช่นนี้ก็พูดอย่างไม่เห็นด้วย “ท่านแม่ ก็แค่นางเด็กสมควรตายอายุสั้นคนหนึ่ง ท่านต้องแช่งด่า เอะอะโวยวายจนครอบครัวไม่สงบสุขเช่นนี้ด้วยหรือไร”
“ก็นั่นน่ะสิ ท่านแม่ ข้าทำไปเพราะหวังดีต่อเสี่ยวกู ท่านต้องเข้าใจและเห็นใจในความตั้งใจดีของข้าบ้าง” เฮ่อซื่อรีบฉวยโอกาสไต่ตามราวขึ้นไป*
“หุบปากเดี๋ยวนี้! พวกเจ้าสองคนเอ่ยคำพูดนี้ออกมาไม่กลัวนางหนูหรูเซียนที่ศพยังไม่ทันเย็นจะกลับมาคิดบัญชีกับพวกเจ้าหรือ” หลัวซื่อตวาดด้วยความโกรธ
“เงียบให้หมด! ใครพูดอีกแม้แต่คำเดียว ก็ไสหัวกลับไป” ผู้เฒ่าจย่าหยุดฝีเท้า หมุนตัวมาถลึงตาใส่
ทั้งกลุ่มเดินมาถึงหน้ากระท่อมมุงหญ้าคาที่ลานด้านหลัง มีเสียงร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจของจย่าอิ๋งชุนกับเหมยชิงหยวนดังออกมาจากข้างในไม่ขาดสาย
จย่าเอ้อร์หลางรีบเปิดประตู ชูโคมไฟในมือขึ้นสูง ส่งเสียงเตือนขึ้น “ท่านพ่อ ที่นี่มืด ท่านช้าลงหน่อย”
คนสกุลจย่าผู้ใหญ่ห้าหกคนพอเข้าไปในกระท่อมมุงหญ้าคา ในห้องพลันเบียดเสียดยัดเยียดขึ้นมาทันที สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนแตกต่างกันไป มีคนเศร้าเสียใจ มีคนแอบดีใจ ไม่มีใครไม่มองร่างของเหมยหรูเซียนที่นอนอยู่บนฟางข้าวที่ปูอยู่บนเตียง นางในเวลานี้ไร้ซึ่งลมหายใจไปแล้ว
ผู้เฒ่าจย่าเดินเข้าไปกวาดตามองแวบหนึ่ง ไม่สนใจจย่าอิ๋งชุนกับเหมยชิงหยวนที่ร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจอยู่ด้านข้างแม้แต่น้อย ก่อนจะสั่งการบุตรชายทั้งสอง “พวกเจ้าเอาศพของนางเด็กนี่ไปไว้ที่ข้างถนนด้านนอก เอาเสื่อคลุมไว้ก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยให้คนมาหามไป”
บุตรสาวเพิ่งจะสิ้นลม พ่อของตนก็จะให้เอาร่างบุตรสาวไปไว้นอกบ้าน จย่าอิ๋งชุนลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเท้าผู้เฒ่าจย่าจับขากางเกงของเขาไว้พลางกล่าวอย่างร้อนรน “ท่านพ่อ หรูเซียนเพิ่งสิ้นลม ขอร้องท่านอย่าหามนางออกไปเลย จะอย่างไรขอให้นางได้อยู่ในห้องสักคืน ได้เผาเงินกระดาษให้นางสักเล็กน้อยเถิด…”
“หุบปาก! บ้านสกุลจย่าข้าไม่ให้ใครตั้งศพ เจ้าคิดจะพาความโชคร้ายมาสู่บ้านสกุลจย่าใช่หรือไม่” ผู้เฒ่าจย่าถีบบุตรสาวออกไป “เจ้าใหญ่ เจ้ารอง ยังจะนิ่งเฉยอยู่ไย รีบหามออกไป ชักช้ายืดยาดอยากให้ในบ้านแปดเปื้อนสิ่งสกปรกหรือ”
จย่าต้าหลางแข็งใจเอ่ยขึ้น “ท่านพ่อ ก็แค่คืนเดียว…”
“เจ้าหุบปาก! แม้แต่คำพูดของพ่อเจ้าก็ไม่ฟังแล้วใช่หรือไม่” ผู้เฒ่าจย่าตัดบทคำพูดของเขา
เฮ่อซื่อชะโงกหน้าไปมองเหมยหรูเซียนที่สิ้นลมไปแล้วจริงๆ พลางเอ่ยขึ้น “ท่านพ่อ ข้าจะไปแจ้งป้าหวัง ให้นางบอกให้คหบดีซุนส่งคนมาหามศพไป”
“ไปเถิด”
“พี่สะใภ้รอง ท่านพูดอะไร หรูเซียนของข้าเหตุใดต้องให้คนของคหบดีซุนมาหามไป”
“เสี่ยวกู ท่านพ่อรับปากจะแต่งงานระหว่างคนตายกับบ้านซุนแล้ว คุณชายซุนอีกสามวันก็จะเอาลงฝัง ย่อมต้องรีบแจ้งพวกเขาให้มาหามศพไปเพื่อทำพิธีแต่งงานระหว่างคนตายกับคุณชายซุน” เฮ่อซื่อเบะปากพูดอย่างไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย
“ไม่ได้ ข้าไม่รับปาก นางตายอย่างไม่เป็นธรรมก็น่าสงสารพอแล้ว ท่านพ่อท่านใจดำเช่นนี้ได้อย่างไร ยังจะผลักไสนางให้ไปแต่งงานระหว่างคนตายกับผู้อื่นอีก” จย่าอิ๋งชุนกอดศพบุตรสาวร้องไห้คร่ำครวญ “เหตุใดท่านจึงใจร้ายให้นางหลังจากตายแล้วยังไม่สงบสุข ยังต้องไปปรนนิบัติดูแลผู้อื่นในปรโลกอีก เช่นนี้นางย่อมไม่อาจไปเกิดใหม่ในเร็ววันได้!”
ผู้เฒ่าจย่าได้ยินคำกล่าวหาประณามของนาง พลันอับอายจนพานโกรธโมโห ฝ่ามือสะบัดออกไป “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้! ถ้าเจ้าไม่คิดจะอยู่บ้านสกุลจย่าของข้าอีกต่อไป ก็พาลูกชายของเจ้ากับศพนี่ไสหัวออกไป บ้านสกุลจย่าข้าไม่ต้อนรับหญิงไม่เป็นมงคลอย่างเจ้า”
“ตาแก่ เจ้าพูดกับอิ๋งชุนเช่นนี้ได้อย่างไร นางเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเจ้านะ” หลัวซื่อพุ่งเข้ามากอดจย่าอิ๋งชุนไว้
“ลูกสาวที่แต่งออกไปแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป ตั้งแต่นางเกิดมาก็เป็นสินค้าขาดทุนที่ไม่เป็นมงคล ข้าลำบากไม่น้อยถึงแต่งนางออกไปได้ ไม่เก็บไว้ให้เป็นหายนะต่อครอบครัว ใครจะรู้หลายปีนี้นางสร้างหายนะให้กับบ้านสกุลเหมยเสร็จ เวลานี้ก็กลับมาสร้างความหายนะให้พวกเราต่อ จะให้ข้ารับนางไว้ นางก็ต้องทำตัวเรียบร้อยอยู่ในกรอบ หาไม่ก็ไสหัวออกไป!” ผู้เฒ่าจย่าตวาดเสียงเฉียบขาด