“ท่านแม่” นางก้มหน้าลงพลางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงขมขื่นแผ่วเบา “ท่านทำเพื่อข้ามามากมายเหลือเกิน ข้าจะดูดายมองท่านกับลูกชายของท่านมีเรื่องราวยืนกันคนละฝั่งเพราะลูกสะใภ้อย่างข้าได้อย่างไรกัน”
“มีข้าอยู่ จะไม่มีทางยอมให้อี้เกอเอ๋อร์ต้องทำให้เจ้ารู้สึกลำบากใจอีก ข้าจะลองดู…เขาเห็นแก่ข้าที่เป็นแม่หรือว่าสตรีหน้าไม่อายผู้นั้น!” เซียวเหอซื่อยิ่งพูดยิ่งเดือดดาลขึ้นมา จนหายใจหอบถี่ตามไปด้วย
“ท่านแม่ ท่านดื่มชาให้ใจสงบลงเสียก่อนเถิดเจ้าค่ะ แล้วอย่าได้อารมณ์เสียเพราะเรื่องของพวกเราที่เป็นเด็กอีกเลย” นางรีบลูบหลังแม่สามี “เรื่องนี้เป็นข้าที่ผิดเองทำให้ท่านและสามีต้องลำบากใจ”
“เฉินเอ๋อร์…”
“ท่าน…” ในลำคอนางขมฝาดไปทั่ว เพียงครู่เดียวก็เอ่ยออกมาด้วยความยากลำบาก “ท่าน…ทำตามความตั้งใจของท่านพี่เถิดเจ้าค่ะ”
“เฉินเอ๋อร์!” เซียวเหอซื่อหน้าถอดสี รีบคว้ามือของนางไว้ “เจ้ากำลังพูดอะไร ข้าไม่ได้บอกไปแล้วหรอกหรือว่าเรื่องนี้มีข้าคอยขัดขวางแทนเจ้า…”
“ท่านแม่” ดวงหน้าที่ขาวซีดของนางกลับนิ่งเรียบเสียจนผิดปกติ “เขาชอบนางเจ้าค่ะ”
เซียวเหอซื่อนิ่งไม่ไหวติงในชั่วพริบตา เงียบงันราวกับคนเป็นใบ้ ทำเพียงแค่มองนางอย่างไม่อยากเชื่อ
“ฉลองปีใหม่เสร็จแล้วก็จัดการให้ท่านแม่ทัพใหญ่กับนาง…” ฟู่เหลียงเฉินปิดเปลือกตาลง รู้สึกเพียงคำพูดต่อจากนี้แต่ละคำเป็นดั่งเข็มนับหมื่นเล่มทิ่มแทงดวงใจและลำคอ แต่รอยยิ้มระหว่างพวกเขาสองคนตอนอยู่ในสวนดอกเหมยและยังมีสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อกู่เหยาเอ๋อร์ ความเกลียดชังรุนแรงนั้นทำให้ทุกอย่างที่นางเฝ้าดูแลตลอดสามปีที่ผ่านมากลายเป็นเรื่องตลก น่าสมเพชเวทนาอย่างยิ่ง “ตัดสินใจเถิดนะเจ้าคะ”
“เด็กโง่ ข้าจะทำได้อย่างไร จะทนได้อย่างไร…” เซียวเหอซื่อกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป โอบกอดเด็กคนนี้ที่ตนเองดูแลตั้งแต่เด็กจนโตขึ้นมา น้ำตาไหลดุจสายฝน “เจ้าเด็กโง่คนนี้ พวกเจ้าสามีภรรยา…เหตุใดจึงต้องเดินมาจนถึงจุดนี้”
“ท่านแม่…” น้ำตาแห่งความเสียใจเอ่อคลออยู่ในหน่วยตา นางอดกลั้นอย่างถึงที่สุดพลางเอ่ยเสียงเบา “เขาชอบนาง ไม่ว่าข้าจะมาก่อนนานเท่าไร รอมานานแล้วเท่าใด…คนที่เขาชอบ…คือนาง”
“เด็กเอ๋ย เหตุใดเจ้าจึงโง่เช่นนี้ เจ้ารอไปอีกสักหน่อย ข้าไม่เชื่อว่าไมตรีจิตระหว่างเจ้ากับอี้เกอเอ๋อร์หลายปีนั้นเขาจะทิ้งเจ้าลงจริงๆ…” เซียวเหอซื่อขอร้องด้วยความกังวลและเร่งรีบ “เมื่อก่อนอี้เกอเอ๋อร์เอ็นดูเจ้าเป็นที่สุด ยังจำได้หรือไม่ที่ครั้งหนึ่งเพราะเจ้ามักจะชอบตามติดเขาแจ พอคลายมือที่เจ้าจับตอนอยู่ที่ตลาดแล้วก็เกิดพลัดหลงกัน หลังจากนั้นก็เป็นเขาเองที่ตามหาเจ้าด้วยความกังวลใจไปทั่วทั้งตลาด หาไปทั่วทั้งคืน สุดท้ายแล้วไปเจอเจ้าอยู่ที่ศาลเฒ่าจันทรา* และยังเป็นเขาเองที่อุ้มเจ้ากลับมาจวนทีละก้าวๆ เจ้ายังจำได้หรือไม่”
“ข้าจำได้…จำได้เสมอมาเจ้าค่ะ” นางมิอาจกลั้นเสียงสะอื้นอันแผ่วเบาได้
“ดังนั้นเจ้าต้องรอเขา รอจนเขาจำได้ถึงความดีของเจ้า เจ้าอย่าได้ยอมแพ้ง่ายๆ เช่นนี้เป็นอันขาด” เซียวเหอซื่อเช็ดน้ำตาให้นางด้วยความเอ็นดู “เข้าใจหรือไม่”
“ท่านแม่” หัวใจที่ว่างเปล่าเยียบเย็นมาหลายวันของนางในที่สุดก็เกิดความอบอุ่นแผ่ซ่านขึ้นมาเล็กน้อย เรียกความกล้าออกมา ราวกับคนที่จมน้ำมักจะตะเกียกตะกายเมื่อแลเห็นขอนไม้เพียงหนึ่งเดียว “ข้าทำได้หรือเจ้าคะ ยังจะทันอีกหรือ”
“เด็กดี เจ้าทำได้แน่นอน” เซียวเหอซื่อยิ้มออกมาพร้อมกับน้ำตาคลอหน่วย “มีความตั้งใจจริงไม่ว่าอะไรก็ทำให้สำเร็จได้ ใจคนล้วนเป็นเนื้อ อี้เกอเอ๋อร์แม้จะดื้อรั้น หน้าตาดุดันแต่ใจเขานั้นอ่อนโยนอยู่เสมอ เจ้ากับเขาเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กย่อมเข้าใจนิสัยเขาที่สุดแล้ว ไม่ใช่หรือ”
ฟู่เหลียงเฉินพยักหน้าน้อยๆ ในใจเกิดความหวังขึ้นมาเล็กๆ
ใช่แล้ว นางจะยอมแพ้ไปเช่นนี้ได้อย่างไร
ไม่ใช่พูดไปแล้วว่าทั้งชีวิตนี้จะเป็นภรรยาที่ดีที่อ่อนหวานของพี่อี้เหริน จะดูแลเขาทั้งชีวิต ปกป้องเขาไม่ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ไม่หวั่นไหวอย่างเด็ดขาดไม่ใช่หรือ
“ท่านแม่ ข้ารู้แล้วว่าควรทำอย่างไร”