ยามราตรีหิมะหยุดตกดวงจันทร์กระจ่าง ช่างเป็นคืนฤดูหนาวที่เงียบสงัดราวภาพวาด
ฟู่เหลียงเฉินปักชายผ้าลงไปเป็นครั้งสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว ฟันขาวค่อยๆ กัดเส้นด้ายให้ขาด ดวงตากะขนาดของเสื้อคลุมสีดำลายเมฆเคลื่อนอย่างมีความสุข
เสื้อคลุมตัวนี้นางทำโดยใช้เวลาสี่เดือน ข้างในเป็นขนจิ้งจอกกับผ้าคลุมสีดำข้างนอก ปกคอเป็นขนเตียว* พันรอบ ปลายชุดปักเมฆลอยสีเงินล้วนทำด้วยมือของนางเองทั้งสิ้น เพื่อหวังว่าจะมอบให้สามีได้สวมใส่ทันในช่วงฤดูหนาว
ถึงแม้มอบให้ตอนนี้ก็ไม่อาจเปลี่ยนเป็นคำพูดเยาะเย้ยไม่แยแสจากเขาไม่กี่คำกลับมาได้ แต่นางจะไม่สูญเสียความกล้าไป อีกทั้งจะไม่ยอมแพ้เรื่องที่ภรรยาอย่างนางควรทำเป็นแน่
“หวาเหนียน ของว่างมื้อดึกของท่านแม่ทัพใหญ่และ…แม่นางกู่ได้ยกขึ้นไปแล้วหรือยัง” นางพับเสื้อคลุมด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างดี จากนั้นวางไว้ในกล่องไม้แดงแกะสลักลายดอกไม้
“ยกขึ้นไปหมดแล้วเจ้าค่ะ” หวาเหนียนอดทนไว้ แต่ยังบ่นออกมา “ฮูหยินน้อย เหตุใดท่านปฏิบัติต่อแม่นางกู่ดีเช่นนั้น เรื่องกิน ดื่ม เที่ยว และของใช้ล้วนดีกว่าตัวท่านเองทั้งสิ้น นี่…นี่ไม่วุ่นวายเกินไปหรือเจ้าคะ”
“แม่นางกู่เป็นแขก เจ้าบ้านดูแลต้อนรับด้วยความเต็มใจนั้นเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว” นางตอบกลับไปอย่างนุ่มนวล
“ฮูหยินน้อย นางเป็นแขกเสียเมื่อไร เห็นได้ชัดว่าเป็น…” หวาเหนียนกระทืบเท้าพลางกังวลใจขึ้นมา
“ตอนนี้นางยังคงเป็นแขกอยู่” ใบหน้าของฟู่เหลียงเฉินเต็มไปด้วยความหนักแน่นไม่คลายไปง่ายๆ
หวาเหนียนพลันเงียบกริบ
“เจ้าเด็กโง่” ตู้เจวียนที่อยู่ข้างกันวางถ้วยน้ำแกงเห็ดหูหนูขาวซึ่งเคี่ยวเสร็จแล้วลง พลางเอ่ยเตือนหวาเนียน “ความหมายของฮูหยินน้อยก็คือสถานะของแม่นางกู่ยังไม่แน่นอน นางเป็นแขกไม่ใช่เจ้าบ้าน ดังนั้นฮูหยินน้อยต้อนรับแขกอย่างนางก็เป็นเรื่องที่สมควรทำ”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” ในที่สุดหวาเหนียนก็เข้าใจความหมายแล้วผ่อนลมหายใจออกมา “ยังดี ก็ยังดี ข้ายังนึกว่าฮูหยินน้อยยอมแพ้ไปแล้วเสียอีก ยอมให้สตรีผู้นั้น…เอ่อ…แม่นางกู่ผู้นั้นมาเอาเปรียบได้”
“ข้าจะพยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดที่ข้าควรจะทำอย่างสุดความสามารถ” ในแววตาของฟู่เหลียงเฉินทอประกายแห่งความฮึดสู้ “ข้า…เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ”
“ฮูหยินน้อยคิดเช่นนี้ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ พวกข้าสนับสนุนท่าน!” หวาเหนียนยิ้มดีใจ
นางกลับขบขันเพราะความบุ่มบ่าม กระตือรือร้นของสาวใช้ทั้งสอง มุมปากยกยิ้มโค้งน้อยๆ ภายในใจอุ่นวาบไปทั่ว “ขอบใจพวกเจ้าทั้งสองมาก”
“ฮูหยินน้อย เสื้อคลุมเย็บเสร็จแล้ว เหตุใดไม่ถือโอกาสมอบให้ท่านแม่ทัพใหญ่เจ้าคะ” ตู้เจวียนแนะนำออกไปด้วยความกระตือรือร้นอย่างยิ่ง
“ตอนนี้…” รอยยิ้มบนดวงหน้านางพลันเลือนหายไป หลุดลงไปในห้วงความคิดพลางส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ ตอนนี้ยังไม่ได้”
เขาบอกว่า เกลียด ‘แผนการ’ ของนางเป็นที่สุด ถ้าหากว่าเมื่อครู่เพิ่งนำอาหารมื้อดึกไปให้เขากับกู่เหยาเอ๋อร์ แล้วตอนนี้มอบเสื้อคลุมไปให้อีกเช่นนั้นแล้วในใจของเขาจะต้องเชื่อว่านางทำพูดดีแต่ไม่จริงใจ พึ่งพาบุญคุณเล็กๆ น้อยๆ เพื่อจะทำให้เขาหวั่นไหว
สีหน้าร่าเริงของฟู่เหลียงเฉินหายไป แทนที่ด้วยสีหน้าอ้างว้างไร้ชีวิตชีวา