LOVE
ทดลองอ่าน เพลิงธุลี บทที่ 3
วันๆ สารินพบแต่ผู้ชายเจ้าชู้ประตูดิน เสี่ยกระเป๋าหนัก หรือไม่ก็ผู้ชายที่พูดจากระโชกโฮกฮากจึงรู้สึกต้องตาต้องใจแต่แรกเห็น ดูเหมือนเขาเองจะรู้สึกเช่นเดียวกันจึงแวะเวียนมาหลายครั้งจนมารู้ภายหลังว่าเขาคือหลานชายของรานี เป็นลูกพี่ลูกน้องกับมุกตาร์
พ่อแม่ของเขาอยู่ที่เวฬปุระ พ่อเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ส่วนแม่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ทั้งสองแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กว่าสารินจะรู้ความจริง เธอก็ทุ่มเทความรักให้เขาจนหมดตัวหมดใจเสียแล้ว
‘พี่จะบอกคุณพ่อคุณแม่เรื่องของเรา สารินไม่ต้องห่วงนะ’
‘แต่สารินเป็นกำพร้า ไม่คู่ควรกับพี่ซันเจย์เลยนะคะ’
‘สารินรักพี่ไหม’ เขาพึมพำพลางพร่ำจูบไปตามลาดไหล่อย่างหิวกระหาย ก่อนรวบเธอขึ้นมานั่งบนตัก แต่สารินพยายามขืนตัวหนี
‘พี่ซันเจย์อย่าทำแบบนี้ค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็น’
‘พี่จะขาดใจตายอยู่แล้ว สารินไม่รักพี่เลยเหรอ’
‘สารินรักพี่ซันเจย์ แต่ทำแบบนี้ไม่ถูกนะคะ สารินไม่อยากให้ใครนินทา’
‘ช่างมันปะไร พี่กับสารินรักกัน แค่นี้ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ’
สารินรู้ดีว่าไม่พอ ครอบครัวของซันเจย์ไม่มีวันยอมรับลูกสะใภ้ฐานะต่ำต้อยแน่นอน แต่ความรักที่อัดแน่นอยู่เต็มหัวใจทำให้สารินมองข้ามอุปสรรค หลงละเมอว่าซันเจย์จะพาเธอฝ่าฟันขวากหนามทุกอย่างได้
‘พี่รักสารินมากนะ รักมากก็หวงมาก ไม่อยากให้ใครเห็นสาริน อยากเก็บสารินไว้แต่ในบ้าน’
‘สารินจะทำแบบนั้นได้ยังไง สารินต้องเลี้ยงดูตัวเองนะคะ’
‘ถ้างั้นเราแต่งงานกันนะสาริน พี่จะดูแลสารินเอง’
‘พี่ซันเจย์!’
สารินมองเขาด้วยสายตาเทิดทูนราวกับเขาคือเทพเจ้า คือผู้ที่เธอมอบชีวิตและจิตวิญญาณให้ ดูเหมือนซันเจย์เองก็พอใจที่เธออ่อนน้อมเชื่อฟังจึงพาเธอไปแต่งงานนอกเมืองลุคน่า เขาจ้างพราหมณ์คนหนึ่งทำพิธีให้ แม้ไม่มีญาติของเขาหรือของสารินร่วมงาน แต่สารินก็ยอมเพราะคำว่า ‘รัก’ ที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน
‘สารินเห็นรึยังว่าพี่รักสารินแค่ไหน’
‘แล้วถ้าคุณแม่รู้ล่ะคะ คุณแม่ต้องตีสารินตายแน่ๆ’
‘น้ารานีไม่ใช่เจ้าชีวิตของสาริน ตอนนี้สารินเป็นภรรยาของพี่แล้ว พี่จะปกป้องสารินเอง’
คืนนั้นที่โรงแรมในเมืองปาฏลีอบอวลไปด้วยแรงรักและเพลิงปรารถนา สัมผัสของเขาอ่อนหวานนุ่มนวลสร้างความตะลึงตะลานแปลกใหม่ให้เด็กสาวว้าเหว่ขาดความรักจนยอมกระโจนเข้าหากองเพลิงอย่างไม่ระวังตัว
เรื่องมาแดงเข้าหูพ่อแม่ของเขาหลังจากนั้นเกือบสองเดือนเมื่อมหาวิทยาลัยของซันเจย์เปิดภาคเรียน เขาต้องกลับไปเวฬปุระ แต่จะให้ทิ้งสารินไว้ที่ลุคน่าก็ทำไม่ได้ จึงเปิดเผยเรื่องของสารินให้พ่อแม่รับรู้ ทำเอาแม่ของซันเจย์แล่นมาต่อว่ารานีถึงเมืองลุคน่า
‘ทำไมแกไม่รู้จักคุมลูกแกให้ดี ปล่อยให้มันมายั่วลูกชายฉันได้ยังไง’
‘ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าสองคนนี้แอบเจอกัน ฉันไม่ได้เฝ้ามันไว้สักหน่อย’ รานีออกตัวพลางถลึงตาใส่สาริน ‘สะใจแกรึยังที่ทำให้ครอบครัวเขาแตกกันได้’
‘หนูเปล่านะคะคุณแม่ หนูแค่…หนู…’
‘ไม่ต้องมาบีบน้ำตา ถ้าแกไม่ให้ท่า ออดอ้อนให้หลานฉันพาไปแต่งงาน เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ยังไง’
‘น้ารานีอย่าว่าสารินเลยครับ ผมผิดเอง’
‘แกผิดแน่นอน ส่วนแม่นี่ก็ผิดที่สุด’ รานีฟาดสารินไม่ยั้ง ซันเจย์ทำทีจะเข้ามาห้าม แต่แล้วเขาก็ชะงักฝีเท้า ก่อนถูกแม่ของเขาดึงออกไปนอกบ้าน แม่เลี้ยงจึงถือโอกาสชำระความรวบยอด
ร่างกายของสารินบอบช้ำแต่ไม่เท่าหัวใจ ซันเจย์ไม่ได้ปกป้องเธออย่างที่เคยสัญญาไว้แม้แต่น้อย
‘อยู่ในห้องนี่ล่ะ ไม่ต้องออกไปก่อเรื่องอีก’ รานีลากเธอเข้าไปขังไว้ในห้องเก็บของพลางชี้หน้าคาดโทษ
‘คุณแม่อย่าทำกับสารินแบบนี้ สารินสำนึกผิดแล้วค่ะ’
‘ฉันจะขังแกไว้จนกว่าจะคิดวิธีจัดการแกได้ อยู่เงียบๆ ล่ะ ไม่งั้นฉันจะให้อรุณมาจัดการแก’
คำขู่ได้ผล สารินยอมคู้เข่าพิงลังกระดาษอย่างหมดแรง เพียงครู่เดียวเธอก็ได้ยินเสียงไขกุญแจ ความดีใจทำให้เธอรีบลุกขึ้นยืน หมายจะเดินไปหาซันเจย์ แต่แล้วก็ต้องย่นคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นหน้าคนไขกุญแจ
‘พี่มุกตาร์!’
‘แกคิดว่าพี่ซันเจย์จะช่วยแกรึไง โน่นแน่ะ ตามแม่เขากลับเวฬปุระไปแล้ว’ มุกตาร์กรีดเสียงหัวเราะ
‘ไม่จริง พี่ซันเจย์สัญญาว่า…’
‘แกนี่มันโง่กว่าที่ฉันคิดเยอะเลยนะสาริน’
‘พี่มุกตาร์หมายความว่าไง สารินแต่งงานกับพี่ซันเจย์แล้ว เขาจะทิ้งสารินไว้ที่นี่ได้ยังไง พี่มุกตาร์โกหก’
‘แอบไปแต่งงานนอกเมือง มีแค่พราหมณ์คนเดียวเป็นพยาน ไม่มีแขกจากฝั่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเนี่ยนะเรียกว่างานแต่งงาน มันก็แค่ละครหลอกๆ ที่พี่ซันเจย์สร้างขึ้นเพื่อหวังฟันแกนั่นแหละ’
‘ไม่จริง พี่ซันเจย์ไม่ทำแบบนั้น เขารักสาริน’
มุกตาร์เท้าเอว บิดปากหยัน ‘บทแกจะโง่ก็โง่อย่างไม่น่าเชื่อเลยนะสาริน’
‘พี่มุกตาร์หมายความว่ายังไง’
‘แกคิดว่าเรื่องของแกกับพี่ซันเจย์เป็นความลับนักเหรอ แกคิดเหรอว่าเหตุผลที่พี่ซันเจย์ไปพบแกที่ร้านเป็นพรหมลิขิตอย่างที่เขาบอกแก คนฉลาดอย่างแกลองคิดสิว่าพี่ซันเจย์ตีสนิทกับแกเพราะอะไร’
‘พี่มุกตาร์!’
‘ใช่! ฝีมือฉันเอง ฉันเห็นว่าเขาอยู่ว่างๆ ก็เลยแนะนำว่าที่ร้านมีสาวงามเมืองอยู่ พี่ซันเจย์ก็แค่คึกคะนองตามประสาวัยรุ่น แต่ใครจะคิดว่าแกจะจับพี่ซันเจย์แบบนี้’
‘ไม่จริง สารินแต่งงานกับพี่ซันเจย์แล้วสารินจึงยอมตกเป็นของเขา สารินไม่ใช่พี่มุกตาร์ที่มั่วผู้ชายไปทั่วจนเป็นขี้ปากคนทั้งเมือง’
‘แกก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันนักหรอกนังสาริน ถึงฉันจะมั่วผู้ชายแต่ฉันก็เต็มใจ ฉันไม่ได้ถูกทิ้ง ฉันเขี่ยพวกนั้นทิ้งต่างหาก แต่แกถูกผู้ชายหลอกกินฟรีแล้วยังคิดว่างานแต่งงานหลอกๆ นั่นเป็นเรื่องจริงอีกเหรอแม่คนฉลาด’
‘พี่มุกตาร์หลอกสาริน พี่ซันเจย์ไม่ใช่คนแบบนั้น’
‘พี่ซันเจย์เป็นแบบนั้นมาตลอด แกก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าเมื่อกี้แกถูกคุณแม่ตบตีเสียน่วม เขาไม่เห็นจะเข้ามาช่วยแกสักนิด’
สารินขบริมฝีปาก พยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล แต่กลับทำไม่ได้เลย
‘ใครบ้างไม่อยากลิ้มลองหญิงงามประจำเมือง ผู้ชายอนาคตไกลอย่างพี่ซันเจย์ก็แค่อยากกินฟรี มีหรือจะยกย่องเด็กกำพร้าไร้การศึกษาเป็นเมียออกหน้าออกตา แกเอาสมองส่วนไหนคิดนังสาริน’
ใช่แล้ว! หากสารินใช้สมองมากกว่าหัวใจก็คงไม่ถูกหลอกให้เสียตัวและเสียน้ำตาแบบนี้
‘ทำไมพี่มุกตาร์ต้องทำกับสารินแบบนี้’
‘แกยังมีน้ำหน้ามาถามอีกเหรอนังสาริน ใครใช้ให้แกสวยเด่นเกินหน้าเกินตาฉัน ไปไหนก็มีแต่คนชมแก มีแม่สื่อมาสู่ขอแก แล้วฉันล่ะ ฉันเป็นพี่แกด้วยซ้ำกลับไม่มีใครมาสู่ขอ แล้วแกจะให้ฉันยอมเห็นแกได้ดีกว่าเหรอ ไม่มีวันหรอก ฉันต้องลากแกลงมาตกต่ำยิ่งกว่าฉันให้ได้น่ะสิ…นังโง่!’
คำตอบของมุกตาร์ทำให้สารินเข้าใจทุกอย่างกระจ่างชัด ความอิจฉาริษยาของมุกตาร์ทำให้สารินถูกลากลงไปในโคลนตม โดยมีซันเจย์เป็นเหยื่อล่อชั้นดี
แน่นอนว่าเรื่องราวที่เธอถูกผู้ชายหลอกกินฟรีแพร่ขยายไปทั่วเมืองลุคน่าโดยฝีมือของรานีและมุกตาร์ สารินแค่ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่หลังร้านไป สักวันคงทำใจได้เอง
แต่ดูเหมือนโชคชะตายังไม่หยุดกลั่นแกล้ง พายุแห่งความเปลี่ยนแปลงพัดพาซันเจย์กลับมาหาเธออีกครั้ง และพรากลุงการันไปจากเธอตลอดกาล!
(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 31 ก.ค. 62)