เขาช่างมีรูปโฉมงดงามราวกับเดินออกมาจากสเป็กเธออย่างไรอย่างนั้น และจากรูปลักษณ์ของเขาทำให้ไม่ต้องเดาเลยว่าลูกชายเธอมีความคล้ายใครมากกว่ากันระหว่างพ่อกับแม่!
‘กันตกาล’ ที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วมานานชะงัก เมื่อรู้สึกได้ว่ามารดาแทบจะไม่พูดอะไรเลย แถมยังเอาแต่จ้องหน้าเขากับบิดาอยู่แบบนั้น เด็กชายกะพริบตาปริบ อดหันไปมองบิดาไม่ได้
“ปาป๊า”
นับนิรันดร์ละสายตาจากภรรยามาสบตาลูกชาย พยักหน้าเล็กน้อยบอกให้กันตกาลรู้ว่าสังเกตเห็นความผิดปกตินั้นเหมือนกัน
ไม่สิ ที่จริงตั้งแต่เธอโวยวายว่าจำเขาไม่ได้ นับนิรันดร์คาดเดาว่าต่อจากนั้นภรรยาที่เขารู้จักจะต้องแผดเสียงลั่นหลั่งน้ำตาออกมาอีกชุดใหญ่ แต่เพียงแค่กันตกาลก้าวเท้าเข้ามาเรียกเธอว่า ‘หม่ามี้’ หญิงสาวก็พึมพำออกมาแค่ประโยคเดียวก่อนจะสงบลง
อำพันคู่งามหรี่ลง คิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ทว่าสุดท้ายแล้วร่างสูงตัดสินใจลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปเท้าแขนบนเตียงคนไข้ ชะโงกตัวเหนือหญิงสาวโดยทิ้งระยะห่างเพียงคืบ มุมปากขยับยิ้มยามเห็นว่าเธอเผลอผงะถอยไปพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นริ้วแดง
“แดหิวรึยังครับ”
หิวเหรอ
จิรปริยานิ่วหน้า เกือบตอบไปแล้วว่า ‘ไม่หิว’ ก็ในความฝันจะหิวได้ยังไงล่ะ แต่ขณะกำลังจะอ้าปากตอบ ความเคลื่อนไหวของน้ำย่อยในกระเพาะก็ทำให้เธอต้องเปลี่ยนเป็นพยักหน้ารับ
“อื้อ”
คิ้วเรียวขมวดมุ่น แปลกใจที่คนเราสามารถหิวได้กระทั่งในความฝัน และยิ่งจมูกได้กลิ่นหอมของข้าวต้มกุ้งซึ่งถูกนับนิรันดร์เข็นจากมุมห้องมาวางตรงหน้าได้ชัดเจน เธอก็เริ่มสะดุดใจ
ไม่ใช่เพราะความเอาใจใส่ของผู้ชายตรงหน้าที่ช่วยแกะหางกุ้งให้ หรือลูกชายตัวน้อยซึ่งเดินไปหยิบส้มมาปอกรอเธอกินล้างปาก ทว่าหญิงสาวเริ่มตระหนักถึงความผิดปกติบางอย่างที่เธอมองข้ามไป
สัมผัสเนื้อแน่นๆ หวานสดใหม่ของกุ้งในปากที่ชัดเจนทำให้หัวคิ้วย่นเข้าหากัน หญิงสาวนิ่วหน้าตักข้าวเม็ดอวบกับน้ำซุปเป่าเข้าปากคำแล้วคำเล่าราวกับต้องการจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง ลางสังหรณ์พุ่งขึ้นมาพร้อมอวัยวะชิ้นสำคัญเริ่มกระหน่ำทำงานหนักอีกหน จิรปริยาเผลอร้องลั่นเมื่อข้าวต้มร้อนๆ ที่รีบตักใส่ปากโดยยังไม่ทันจะได้เป่าให้ดีลวกลิ้นจนต้องทิ้งช้อนลงกระทบชามกระเบื้อง
“โอ๊ย!”
“หม่ามี้เป็นอะไรรึเปล่าครับ!” ลูกชายตัวน้อยวิ่งเข้ามาเป็นคนแรกพร้อมกับส้มในมือ ส่วนสามีก็รีบถามด้วยสีหน้าห่วงใยพอกัน
“แด! เป็นอะไรมั้ย ร้อนมากรึเปล่า ดื่มน้ำก่อนเร็ว”