ถึงจะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับทฤษฎีข้ามเวลามากมาย ทว่านั่นก็ยังไม่เคยมีหลักฐานพิสูจน์ได้ชัดเจน การก้าวข้ามกาลเวลามายังอนาคตของตัวเอง เหตุผลแรกที่เธอคิดได้ในตอนนั้นคือ ‘นี่คือความฝัน’
แต่เมื่อไม่ว่าจะหลับกี่ครั้งเธอก็ยังคงตื่นขึ้นมาที่โลกใบนี้ ห้วงกาลแห่งนี้ ข้างกายปราศจาก ‘ครอบครัว’ ซึ่งประกอบไปด้วยบิดามารดา แต่ดันมีลูกชายและสามีที่ไร้ตัวตนในความทรงจำ แม้มันจะยากแค่ไหนแต่หญิงสาวก็เริ่มเรียนรู้ที่จะยอมรับความจริงข้อนี้
ปลายนิ้วโป้งซ้ายไล้แหวนบนนิ้วนางเล่น มุมปากขยับเป็นรอยยิ้มขณะโคลงศีรษะ
ไม่รู้ว่าไอ้นิสัย ‘ไม่เก็บความทุกข์มาคิดนาน ผ่านไปก็เริ่มลืม’ ของเธอนี่มันดีหรือร้าย เพราะกลายเป็นว่าไม่นานนักจิรปริยาก็เริ่มทำใจยอมรับว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้วงเวลาที่อายุยี่สิบสองปีอีกต่อไป ปีพุทธศักราชซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่เรื่องโกหกแหกตาห่างกับความทรงจำสุดท้ายถึงหนึ่งรอบนักษัตร กระทั่งบ้านเมืองเทคโนโลยีต่างๆ ที่ได้เห็นมาบ้างก็มีการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย
สิบสองปีก่อนตึกสูงระฟ้ามากมายต่างผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด คอนโดมิเนียมหลายสิบโครงการเปิดขึ้นแทนหมู่บ้านจัดสรรด้วยเรื่องของพื้นที่แสนจำกัด สิบสองปีต่อมา…สิ่งที่รายล้อมตึกสูงเหล่านั้นคือพื้นที่สีเขียวซึ่งขยายตัวขึ้นในป่าคอนกรีต ถนนหนทางเปลี่ยนไป เสาไฟฟ้าที่เคยตั้งเรียงรายถูกเก็บลงดินไปเกือบหมด…สิ่งเหล่านั้นคือการเปลี่ยนแปลงดีๆ ที่เธอถูกใจ และเรื่องน่ายินดีสำหรับจิรปริยาก็คือแม้ในปัจจุบันผู้คนจะย้ายขึ้นไปอาศัยอยู่บนตึกสูงกันเกือบหมด แต่ครอบครัวของเธอยังเลือกปลูกบ้านเดี่ยวอยู่แถบชานเมือง หญิงสาวคาดเดาว่าเพราะตัวเธอที่สร้างครอบครัวนี้ขึ้นมาคงยังมีทัศนคติบางอย่างใกล้เคียงกับตัวเธอในวัยยี่สิบสอง…คือเกลียดการอาศัยอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ
แม้เดาจากพื้นที่และการตกแต่งบ้านแล้ว หากซื้อคอนโดฯ อยู่จริงๆ ห้องของเธอน่าจะไม่แคบนักก็ตาม
จากข่าวในโทรทัศน์ รถไฟฟ้าหลายสายที่เคยเป็นโครงการหรือเริ่มก่อสร้างเมื่อสิบสองปีก่อนเปิดใช้บริการแล้ว เชื่อมโยงเส้นทางการเดินทางสาธารณะให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นจนรถเมล์หลายสายต้องปิดตัวลง เรื่องการเดินทางข้ามประเทศเองเครื่องบินก็ไม่ใช่พาหนะเดียวที่สะดวกสบายอีกต่อไป รถไฟความเร็วสูงซึ่งญี่ปุ่นมีมาหลายสิบปี…แม้จะช้ากว่าเพื่อนบ้านไปมากแต่เวลานี้ของไทยก็มีแล้วเช่นกัน
หญิงสาวหลับตา สูดลมหายใจเข้าปอดลึก
การเดินทางต่างๆ อาจสะดวกรวดเร็วขึ้น แต่โลกก็ยังไม่พัฒนาไปถึงขั้นสามารถเดินทางผ่านกาลเวลาได้ หรืออย่างน้อยก็ยังไม่เคยมีการเปิดเผยให้ทุกคนรับรู้ ดังนั้นตัวเธอในตอนนี้จึงมีผลทางการแพทย์ที่สรุปให้ฟังง่ายๆ ว่า ‘ความจำเสื่อม’
ย้อนกลับไปวันที่เธอตื่นขึ้นมาพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หวาดกลัวไปกับทุกสิ่งรอบตัว เมื่อรู้ว่าตัวเธอสูญเสียความทรงจำไป เวลาหลายวันในโรงพยาบาลของจิรปริยาจึงหมดไปกับการเข้าตรวจเลือด ระบบประสาท ทำ CT Scan และ MRI Scan รวมถึงตอบคำถามแพทย์หลายต่อหลายคำ เธอยังคงยืนยันคำเดิมว่าความทรงจำสุดท้ายอยู่ในคืนข้ามปีเมื่อสิบสองปีก่อน ซึ่งคืนนั้นเธอไม่ได้ประสบอุบัติเหตุใดๆ ที่อาจทำให้วิญญาณหลุดออกจากร่างแล้วมาเข้าร่างตัวเองในอนาคต เธอแค่เข้านอนตามปกติเพื่อที่จะได้บรรลุภารกิจ ‘นอนข้ามปี’ ก็เท่านั้น
เมื่อผลตรวจทุกอย่างออกมาว่านอกจากการฟกช้ำตามร่างกายแล้วเธอก็ปกติดี ไม่ได้มีรอยโรคในสมองจนเป็นสาเหตุให้สูญเสียความทรงจำอย่างที่คาดการณ์ไว้ สุดท้ายแพทย์จึงลงความเห็นว่าเธอคงสูญเสียความทรงจำชั่วคราวจากอุบัติเหตุพลัดตกจากบันไดลงมากระแทกกับพื้นด้านล่าง
จิรปริยาไม่เชื่อ
ในใจค้านว่าเธอไม่ได้สูญเสียความทรงจำเพราะตกจากบันไดบ้านอย่างที่ทุกคนบอก แต่เพราะไม่อยากถูกมองเหมือนตัวประหลาดหรือคนบ้าไปมากกว่านั้น เธอจึงทำเพียงร้องไห้เงียบๆ อย่างหวาดกลัวกับทุกอย่าง หญิงสาวพยายามคิดหาความเชื่อมโยงระหว่างอดีตของตอนนี้…ซึ่งคือปัจจุบันของเธอกับอนาคตที่ตัวเองเผลอข้ามมาอย่างไม่ตั้งใจ