ในช่วงวัยยี่สิบต้นๆ เธอเคยวาดฝันไว้ว่าหากมีคนรักสักคน เธอจะคบหาดูใจกับเขาสักเจ็ดปีแล้วค่อยแต่งงาน ถ้าจะเอาเหตุผลแบบจริงจังนั่นก็เพราะเธอรู้สึกว่ามันเป็นระยะเวลาที่นานพอให้คนสองคนได้เรียนรู้นิสัยใจคอทุกแง่มุมของกันและกัน หลายคนเลิกกันในปีนี้ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ก้าวข้ามอาถรรพ์ปีที่เจ็ดไปจนได้พบกับความสุขที่ปลายทาง แต่ถ้าจะเอาเหตุผลแบบที่ภัทรนันท์เคยเบะปากก่อนจะพ่นใส่หน้าเธอว่า ‘ไร้สาระ’ เหตุผลนั้นก็เป็นเพราะ…
เธอชอบเลขเจ็ด
สั้นๆ ง่ายๆ แค่นั้นเอง
แต่ดูท่าตัวเธอในวัยยี่สิบสี่อาจจะมีมุมมองความคิดแตกต่างไปจากช่วงวัยยี่สิบสอง ไม่เช่นนั้นระยะเวลาไม่ถึงสองปีที่ได้รู้จักกับเขา…คงไม่ทำให้เธอในตอนนั้นกล้าตัดสินใจแต่งงานกับนับนิรันดร์ได้
แล้วอะไรกันที่ทำให้เธอผู้เคยตั้งใจจะใช้เวลาคบกับใครสักคนให้นานถึงเจ็ดปี ตัดสินใจแต่งงานกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันแค่สองปีเร็วขนาดนั้น?
ดวงตากลมโตกะพริบปริบ อยู่ดีๆ หัวใจก็เต้นแรงขัดกับร่างกายที่ชาวาบตั้งแต่หัวจดเท้ากับเหตุผลที่ทำให้หลายคนแต่งงานสายฟ้าแลบซึ่งปรากฏขึ้นในหัว
จิรปริยากัดริมฝีปาก ช้อนตาขึ้นมองนับนิรันดร์สลับกับกันตกาล
พระเจ้า! ตอนนั้นเธอพลาดท้องก่อนแต่งรึเปล่าเนี่ย!
ความคิดว่าเธอท้องก่อนแต่งเป็นอะไรที่ทำให้จิรปริยารู้สึกแย่มาก!
หนึ่งคือเธอถูกเลี้ยงดูมาโดยมารดาที่หัวโบราณ ปลูกฝังค่านิยมห้ามชิงสุกก่อนห่าม หล่อหลอมให้เธอมีนิสัยหวงตัวขั้นสุด ชนิดที่ต่อให้โลกนี้หมุนเวียนเปลี่ยนไปจนการอยู่ก่อนแต่งจะเป็นเรื่องปกติในสังคมและเธอเองก็ไม่ได้เข้าไปต่อต้านความสัมพันธ์นั้นของคนอื่นๆ ทว่าโดยส่วนตัวแล้วจิรปริยาก็ยังยืนหยัดยึดมั่นว่า ‘คืนแรก’ ของเธอจะต้องเกิดขึ้นในคืนวันวิวาห์เท่านั้น
ข้อสองคือเธอกลัวพ่อแม่ผิดหวัง ‘คุณอัญญา’ ยังเป็นหนึ่งในกุลสตรีหัวโบราณซึ่งไม่ยอมเปลี่ยนค่านิยมความคิดไปตามยุคสมัย จิรปริยามั่นใจมากว่ามารดาจะต้องไม่มีวันรับได้หากลูกสาวท้องก่อนแต่ง
และสาม…ข้อสุดท้ายเลยนะ ถ้าสาเหตุที่ทำให้เธอและนับนิรันดร์ต้องมาร่วมหอลงโรงกันเกิดจากการท้องก่อนแต่ง นั่นก็หมายความว่าทุกอย่างอาจจะเกิดขึ้นจากความผิดพลาดไม่ใช่ความรัก การสร้างครอบครัวที่ไม่มีพื้นฐานของความรักไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์โลกสวยฟรุ้งฟริ้งชอบเพ้อฝันถึงรักแท้อย่างเธอต้องการ!
แต่เดี๋ยวนะ…คนไม่รักกันจะอยู่กันยืดมาเป็นสิบปีเลยเหรอ