บทที่สิบเอ็ด สระอาบน้ำสยองขวัญ
เผชิญหน้ากับมือสังหารที่จะฆ่าแมว หนีได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี จะดีที่สุดถ้ามีขาเพิ่มขึ้นมาอีกสักสี่ข้าง
ข้าหนีสุดชีวิต ไม่รู้หนีมาไกลเพียงใด ในที่สุดก็หยุดหอบหายใจ ขณะคิดจะยกอุ้งเท้าขึ้นมาลูบๆ หน้า กลับพบว่าทั่วทั้งร่างถูกเงาดำทะมึนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายเยียบเย็นผืนหนึ่งแผ่คลุมไว้
เงยหน้าขึ้นช้าๆ ด้วยความรอบคอบระมัดระวังก็เห็นเทพปี้ชิงคนที่คิดจะจับข้าโยนลงไปในน้ำเย็นผู้นั้น ไม่รู้ไล่ตามมาทันตั้งแต่เมื่อไร…เขาก้มลงมองข้าอย่างเย็นชา มองจนขนลุกชันอยู่ในใจด้วยความหวั่นหวาด
“เมี้ยว!” ข้าตกใจร้องเสียงดังออกมา ตวัดอุ้งเท้าฟาดออกไป พลังจากอุ้งเท้าทำให้หินปลิวขึ้นมาก่อนพุ่งไปปะทะใบหน้าเขา
“ดุดันและโหดร้ายเกินไปแล้ว จะให้สาวใช้ปรนนิบัติเจ้าอาบน้ำได้อย่างไร” เทพปี้ชิงถอนหายใจอย่างอับจนปัญญา เขายกมือขึ้นสกัดกั้นหินที่ปลิวมา ยังไม่ทันสิ้นเสียงดีคนก็มาถึงเบื้องหน้าแล้ว จากนั้นก็คว้าต้นคอด้านหลังของข้า ทะยานร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว ทัศนียภาพรอบด้านวาบผ่านไปราวกับสายฟ้าแลบ ข้ายังไม่ทันตั้งตัวต่อต้านก็มาถึงข้างสระน้ำที่มีน้ำเย็นน่ากลัวแห่งนั้นอีกครั้งแล้ว
“ไม่เอา…ไม่เอา…” ข้ามองเขาตัวสั่น คิดจะใช้แววตาน่าสงสารโน้มน้าวหัวใจที่เย็นชาไร้ความปรานีของบุรุษผู้นี้
เสียดายที่ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย หัวใจของเขาจะต้องหลอมจากเพชรเป็นแน่
ตามมาด้วยเสียงดังตูม ข้าถูกโยนลงไปในสระน้ำ จากนั้นเขาก็ม้วนแขนเสื้อ คว้าเซียงอี๋ กระโดดลงน้ำ ช้อนตัวข้าขึ้นมาเริ่มใช้แปรงเล็กๆ แปรงขนบนร่างกายของข้า แปรงไปก็ขมวดคิ้วบอก “อย่าดิ้น ทำตัวว่าง่ายหน่อย หาไม่ข้าจะตัดอุ้งเท้าเจ้าเสีย”
ขาแมวสั้นเล็กหยั่งไม่ถึงก้นสระน้ำ น้ำเย็นเฉียบหนาวยะเยือกสั่นสะท้านไปถึงอวัยวะห้ากลั่นหกกรอง ข้าไม่อาจคำนึงถึงสิ่งใด รีบกลายร่างเป็นมนุษย์ทันที หลังจากยืนได้มั่นก็ตะเกียกตะกายไปที่ขอบสระอย่างสุดชีวิต
ข้านั่งอยู่ที่ขอบสระ หอบหายใจแรง รู้สึกราวกับตนเองกลับจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บมาสู่ฤดูใบไม้ผลิ ที่แย่ก็คือเวลานี้เสื้อสีขาวตัวบางกึ่งโปร่งแสงที่ตัดเย็บจากผ้าแพรไหมถูกน้ำจนเปียกชุ่ม แนบติดกับลำตัวจนมองเห็นผิวหนังภายใต้เสื้อได้วับๆ แวมๆ เส้นผมยาวสีน้ำเงินอมม่วงเปียกและยุ่งเหยิง มีน้ำหยดติ๋งๆ ลงมาตลอดเวลา
แม้จะพยายามสลัดหยดน้ำบนศีรษะและเนื้อตัวแล้ว ก็ยังคงรู้สึกหนาวอยู่มาก เป็นความหนาวที่เสียดแทงถึงกระดูก ทุกข์ทรมานเสียจนข้าพูดอะไรไม่ออก
มือที่ถือแปรงของเทพปี้ชิงชะงักค้างอยู่กลางอากาศ ท่าทางเย็นชาของเขาดูจะเปลี่ยนเป็นตระหนกอยู่เล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่งก็ก้าวเร็วๆ ขึ้นมาจากสระน้ำ เดินตรงมาที่ข้าแล้วตั้งกระทู้ถามอย่างลังเล “เจ้า…ไม่ใช่เด็กหรอกหรือ”
ปีศาจที่บำเพ็ญเพียรจนกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ใหม่ๆ ล้วนต้องผ่านช่วงวัยเด็กมาระยะหนึ่งเพื่อปรับตัวกับชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์
แต่! ข้ากลายร่างเป็นเด็กตั้งแต่เมื่อไรหรือ ในใจโกรธแค้นจนแทบจะคลุ้มคลั่ง แต่ก็เข้าใจดีถึงกำลังความสามารถที่แตกต่างกันมาก ข้าไม่กล้าบุกเข้าไปสู้ตายกับเขา ได้แต่หมุนตัวไปถีบหน้าต่างจนพัง เตรียมจะวิ่งหนีออกไป
“ไม่ได้!” เทพปี้ชิงทั้งตื่นตระหนกทั้งเดือดดาล ไม่รู้ไปคว้าแส้หนังมาจากที่ใดสะบัดขวับรัดข้อเท้าของข้าแล้วลากไปข้างหลัง
ในเมื่อเรี่ยวแรงสู้เขาไม่ได้ ข้าจึงรีบยื่นกรงเล็บทะลวงฟ้าออกไป ตะกุยไปบนพื้นหินหยก แต่กลับไม่อาจหยุดยั้งพลังแข็งแกร่งที่ฉุดดึงข้าไปข้างหลังได้ ได้แต่กรีดพื้นเป็นรอยเล็บแปดแนวที่ทั้งลึกและยาว