บทที่สิบสาม เสบียงสำรอง
“ไม่เอาหมอ…ขอร้องท่าน…” ข้ากอดแขนเทพปี้ชิงแน่นไม่ยอมปล่อยมือ “หมอล้วนแต่เป็นคนเลว”
โม่หลินดึงเข็มเงินออกมาจากในห่อหลายเล่ม เห็นสีหน้าลนลานของข้าจึงอดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้ “เพราะเหตุใด”
“คนที่สวมเสื้อคลุมสีขาวล้วนแต่เป็นคนเลว พวกเขาใช้แท่งแก้วปักก้นเหมียวเหมียว เจ็บยิ่งนัก!” ข้าพูดความจริงออกไปด้วยเสียงอันดัง
เข็มเงินในมือโม่หลินร่วงตกพื้นไปตามคำพูดของข้า ปากของเขาอ้ากว้าง แทบจะเอาไข่เป็ดยัดเข้าไปได้ ผ่านไปครู่ใหญ่จึงถามขึ้นตะกุกตะกัก “ปัก…ปักก้นเจ้า? จะเป็นไปได้อย่างไร ที่ใดกันช่าง…ต่ำช้าดุจสัตว์ป่าเพียงนั้น…”
ใบหน้าของเทพปี้ชิงก็แข็งค้างไปชั่วขณะ แล้วเอ่ยอย่างเดือดดาล “เป็นใครกันที่ทำเรื่องต่ำทรามไร้ยางอายเช่นนี้”
“เป็นคนเลว…พวกเขายังเอาเข็มปักคอข้า” ข้าพูดอย่างน่าสงสาร “ข้าไม่อยากรักษาอาการป่วย ข้าจะกลับไป”
“ชื่อของคนเลวเล่า” เทพปี้ชิงถามอีก
หลังจากคิดอยู่พักใหญ่ข้าก็สั่นศีรษะ “ลืมไปแล้ว”
คนสองคนที่อยู่ตรงหน้ามีอาการแข็งค้างราวกับก้อนหินไปอีกครั้ง ไม่นานโม่หลินก็ได้สติกลับคืนมา เขาลูบศีรษะข้าอย่างอ่อนโยนเป็นการปลอบใจ “เมื่อก่อนเจ้าคงได้รับความลำบากมาไม่น้อย วางใจเถอะ ต่อไปมีท่านเทพอยู่ จะไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีกแล้ว”
“เขาโยนข้าลงไปในน้ำเย็น…” ข้าฉีกหน้า ‘ท่านเทพ’ ทันที
โม่หลินหันไปมองเทพปี้ชิงอย่างเหยียดหยาม มองจนเขาใบหน้าประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวขาว แต่กลับไม่ยอมชี้แจง เพียงหันหน้าออกไปมองทัศนียภาพนอกห้อง
ข้ามองโม่หลินที่อ่อนโยนมีเมตตาตรงหน้า พลันรู้สึกว่าแม้เขาจะสวมเสื้อคลุมสีขาว แต่ไม่ใช่หมอ นับว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง
แต่เพียงไม่นานข้าก็พบว่าข้าคิดผิดอีกแล้ว…
แม้โม่หลินจะไม่ได้ใช้แท่งแก้วที่น่ากลัว แต่กลับเอาเข็มเงินเล็กยาวสิบกว่าเล่มมาปักเข้าไปในร่างกายของข้า ทำให้ข้าชาไปทั้งร่าง หมดความรู้สึก ต่อมาก็เอายาน้ำฝาดขมกลิ่นไม่ชวนดมชามใหญ่ ให้เทพปี้ชิงช่วยกรอกลงท้องข้า
รสชาติความทุกข์ทรมานตอนถูกกรอกยากับขั้นตอนอันน่าเวทนานั้นข้าไม่อาจบรรยายอย่างละเอียดในที่นี้ได้ สรุปก็คือหลังจากดื่มจนหมด นอกจากข้าจะรู้สึกอยู่ไม่สู้ตายแล้ว แน่นอน สีหน้าของเทพปี้ชิงก็ไม่ได้ดีไปสักเท่าไร
ข้าขอสาบาน ถ้าวันหน้าใครบอกว่าโม่หลินเป็นคนดีอีก ข้าจะกัดคนผู้นั้นให้ตาย!
เส้นทางตอนกลับไปก็ไม่ต่างอะไรกับตอนมา ตลอดทางเทพปี้ชิงไม่ได้พูดจา กระทั่งใกล้ถึงหน้าประตู เขาจึงพูดกับข้าเบาๆ “ข้าไม่รู้มาก่อน เจ้าที่ดูเหมือนไร้ทุกข์ไร้กังวล เมื่อก่อนจะเคยถูกทำร้ายมามากเช่นนั้น”
“ใช่” ข้าตอบอย่างเจ็บปวดอาดูร ในใจเต็มไปด้วยความเศร้ารันทด เมื่อครู่ก็ถูกท่านทำร้ายอีก…
“เจ้ามีอะไรที่ต้องการหรือไม่” จู่ๆ เขาก็กระโดดข้ามหัวข้อสนทนา เปลี่ยนไปพูดอีกเรื่องหนึ่ง
ของที่ส่งมาให้ถึงหน้าบ้านไม่เอาก็เสียเปล่า ข้าตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด “ปลา! ข้าอยากกินปลาหลี่!”
“ได้” เขาลูบศีรษะข้าด้วยความรักและเอ็นดู สั่งการเสี่ยวหลินที่อยู่ด้านหลัง “เจ้าไปที่ทะเลตะวันออก ให้ราชันมังกรส่งปลาหลี่มา”
เสี่ยวหลินที่ไม่ค่อยพูดจนคล้ายภาพติดผนังรับคำสั่งแล้วห้อตะบึงไปทันที
ครานี้ข้าจึงนึกได้ว่าสิ่งที่ข้าควรร้องขอน่าจะเป็นอีกสิ่งหนึ่ง “ข้ายังต้องการอิ๋นจื่อ…ข้าอยากกลับไป…”
“ถ้าเจ้าเชื่อฟังและรักษาตัวให้ดี พอหายป่วยแล้วข้าจะพาเจ้ากลับไปหาเขา” จู่ๆ เทพปี้ชิงก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนยิ่ง เสียงของเขาดังเข้าไปถึงส่วนลึกที่สุดในหัวใจของข้า มีความรู้สึกสนิทสนมใกล้ชิดที่ไม่อาจลบเลือนได้ ทำให้ข้าเต็มใจที่จะเชื่อเขาอีกครั้ง