บทที่สิบหก ถูกกลั่นแกล้งแล้ว
จากนั้นเขาก็ทะยานร่างขึ้นมาบนต้นไม้ จับตัวข้าไว้แล้วหิ้วลงไป
“เมี้ยว! เมี้ยว!” ข้าทางหนึ่งดิ้นรน ทางหนึ่งก็ร้องคร่ำครวญ
เทพปี้ชิงกลับกล่าวกับคนที่อยู่รอบข้างด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “พวกเจ้าถอยไปให้หมด!”
ผู้คนแยกย้ายกันไปทันที พริบตาเดียวก็หายไปจนหมด เหลือเพียงเสี่ยวหลินที่ยังยืนอยู่กับที่ไม่ได้เดินจากไป เขาก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ค้อมเอวลงแล้วกล่าวกับเทพปี้ชิง “โปรดเห็นแก่ที่เหมียวเหมียวนิสัยซื่อบริสุทธิ์ ความคิดไม่ต่างจากเด็ก ลงโทษสถานเบาด้วยเถิดขอรับ”
“เจ้ากำลังขอความเมตตาแทนนางรึ” เทพปี้ชิงมองเขา พลันแค่นเสียงฮึออกมา “ทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ จะให้อภัยง่ายๆ ได้อย่างไร!”
“ท่านเทพได้โปรดไตร่ตรอง” เสี่ยวหลินสีหน้าไร้ความหวาดกลัว
ข้าเห็นเสี่ยวหลินคล้ายกำลังวิงวอนขอความเมตตาแทนข้าก็ดีใจมาก ที่แท้เขาจึงจะเป็นคนดีที่แท้จริง!!
เทพปี้ชิงหาได้ละเว้นข้าเพราะการวิงวอนขอร้องของเสี่ยวหลิน เขาเพียงโบกมือให้เสี่ยวหลินถอยไป จากนั้นก็ลากข้าเดินไปทางด้านหลังภูเขา หลังเขามีถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง กว้างยาวราวแปดฉื่อ* ข้างในไม่มีอะไรเลย โกโรโกโสอย่างที่สุด
“ข้าตามใจเจ้าเกินไปแล้ว” เขาโยนข้าเข้าไปอย่างไร้ความปรานี บอกด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “อยู่ในนี้สามวันทบทวนตนเองให้ดีแล้วค่อยออกมา! ไม่อนุญาตให้กินอาหาร!”
ข้าได้ยินก็ร้อนใจแล้ว เปรียบกับการไม่ได้กินอาหาร ข้ายอมให้ถูกตียังดีเสียกว่า ครั้นแล้วก็รีบกระโจนไปที่ปากถ้ำ เตรียมจะกระโดดหนี คิดไม่ถึงว่าเทพปี้ชิงยกมือขึ้นท่องอาคมอะไรก็ไม่รู้ออกมาหลายประโยค ทั่วทั้งถ้ำถูกแสงโชติช่วงสีฟ้าจางขุมหนึ่งแผ่คลุมไว้ ทำให้คนไม่อาจสัมผัสแตะต้องหรือเข้าใกล้ปากถ้ำได้
ข้ารีบร้อง “เมี้ยวๆ” อย่างน่าสงสารขอให้เขายกโทษให้ คิดไม่ถึงว่าเขากลับใจแข็งดุจหินไม่สะทกสะท้านหวั่นไหว หมุนตัวเดินจากไปทันที
นี่จะทำเช่นไรดี ข้ายื่นนิ้วไปแตะแสงสีฟ้าเบาๆ พลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรงขุมหนึ่ง คล้ายมีกระแสไฟเสียดแทงเข้ามาที่หัวใจ และคล้ายมีเปลวไฟแผดเผาไปทั่วร่าง เจ็บจนยากจะทนไหว
“เมี้ยว ข้าจะออกไป!” ข้าส่งเสียงร้องตะโกนไม่หยุด “ปล่อยข้าออกไป!”
ทว่าร้องตะโกนตั้งแต่เย็นจนค่ำมืด ร้องจนเสียงแหบแห้ง ลำคอแห้งผากก็ไม่มีใครสนใจข้า…ยิ่งไม่มีคนมาเยี่ยมข้า หรือเอาของกินมาให้ข้า
ข้าหิวแล้ว…
ท้องร้องโครกคราก แมวป่าที่แต่ไรมามีอิสระจะทนต่อความทุกข์ทรมานจากการถูกบังคับกักขังเช่นนี้ได้อย่างไร
ครั้นแล้วข้าก็ลุกขึ้นยืน ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะบุกรุดหน้าไปอย่างห้าวหาญโดยไม่ยอมกลับหลัง ใช้ร่างทั้งร่างพุ่งเข้าชนแสงสีฟ้าที่ปากถ้ำเต็มแรง พยายามจะชนสิ่งกีดขวางให้แตกออก ออกไปจากถ้ำให้ได้
ปราการแสงสีฟ้ากระแทกข้ากลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าข้ากลับไม่ยอมล้มเลิก ผิวหนังเริ่มถูกเผาไหม้เป็นแผล มีโลหิตไหลซิบๆ ร่างเริ่มชา ค่อยๆ สูญเสียความรู้สึก ในที่สุดข้าก็ทนต่อความเจ็บปวดเช่นนี้ไม่ไหว ถูกซัดกลับจนกลายร่างกลับเป็นแมว
“เมี้ยว…” ร่างกายเจ็บปวดยิ่งกว่าถูกไฟเผา ข้ามองดวงดาวเต็มท้องฟ้าที่ด้านนอก ร่างฟุบอยู่กับพื้นไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก ได้แต่ส่งเสียงร้องแหบแห้งออกมาคำหนึ่ง เฝ้ารอว่าจะมีคนมาช่วยข้า
บางทีข้าอาจกำลังจะตายแล้ว