บทที่สาม ไล่สุนัขชั่วร้ายไปด้วยความกล้าหาญ
ฉันฉวยโอกาสตอนที่เขานอนหลับ หาไปทั่วห้องรอบหนึ่ง ยังคงไม่พบอาหาร ผู้หญิงได้ยินเสียงโครมครามก็พุ่งเข้าประตูมา หล่อนประคองผู้ชายที่อยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วร้องเสียงแหลม “ท่านเป็นอะไรไป รีบตื่นขึ้นมาสิ! มีโจรบุกเข้ามาหรือ รีบตื่นขึ้นมา!”
ฉันเห็นสถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก จึงไม่กล้าหาต่อไปอีก รีบฉวยโอกาสที่กำลังวุ่นวายกระโดดออกจากหน้าต่างไป
เดินไปได้ไม่ไกลก็มีหมาป่าสีดำตัวใหญ่เข้ามาขวางหน้า เขาพูดภาษามนุษย์บอกกับฉัน “ปีศาจร้ายที่ทำร้ายมนุษย์ ดูซิข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!”
นี่มันเรื่องอะไรกัน…ใครคือปีศาจร้าย
ฉันตกใจจนงงงันไปหมดแล้ว
สุนัขนับเป็นตัวอะไร!
ประมาณครึ่งปีก่อน ฉันตวัดกรงเล็บใส่ตาสุนัขปักกิ่งที่มาเป็นแขกที่บ้านจนเกือบตาบอด ตั้งแต่นั้นพอสุนัขตัวนั้นเห็นฉันก็จะเข้าไปมุดอยู่ใต้เตียงไม่กล้าออกมา!
สุนัขสีดำตัวใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าตัวนี้ ถึงกับกล้าด่าฉันว่าเป็นปีศาจร้าย คงเบื่อหน่ายชีวิตเต็มประดาแล้วกระมัง
ฉันโมโหแล้ว! ฉันโกรธแล้วนะ!
เมื่อแมวโกรธ ผลที่ตามมาย่อมหนักหนายิ่ง!
“เมี้ยว…” พร้อมเสียงร้องที่ดังขึ้น ฉันก็กระโจนเข้าไปอย่างดุดัน กรงเล็บที่แหลมคมตะปบไปที่ใบหน้าของสุนัข ตั้งใจจะควักลูกตาเขาออกมา
สุนัขสีดำตัวใหญ่คาดไม่ถึงว่าฉันจะลงมืออย่างฉับพลัน รีบหลบไปที่ด้านข้าง รอดพ้นการจู่โจมอย่างรุนแรงไปได้ แต่กรงเล็บยังคงกรีดผ่านผิวหนังที่หัวไหล่ของเขา เลือดสดๆ ไหลซึมออกมา กระแสลมอันหนักหน่วงทรงพลังถาโถมเข้าใส่กำแพงบ้านที่อยู่ด้านหลังพังทลายกลายเป็นเศษซากทั้งหมด
อิฐหินแตกกระจายเต็มพื้น มีคนหลายคนวิ่งออกมาจากในบ้าน มองลานบ้านที่เต็มไปด้วยเศษอิฐเกลื่อนกลาดด้วยดวงตาเบิกค้าง
ฉันรู้ ครั้งนี้ทำข้าวของเสียหายต้องโดนด่าอีกแน่ จึงรีบสาวเท้าวิ่งหนี
“ปีศาจร้ายอย่าได้คิดหนี!” สุนัขตัวนั้นร้องตะโกนอยู่ข้างหลัง แล้วไล่ตามฉันมาติดๆ ไม่ยอมปล่อย
พวกเราทั้งสองตัวยิ่งวิ่งก็ยิ่งไกล ไม่รู้วิ่งมานานเพียงใด ฉันก็ยังไม่อาจสลัดหลุดจากอีกฝ่ายได้ ไม่นานฉันก็เบื่อการเล่นวิ่งไล่จับกันเช่นนี้ ทั้งเห็นไม่มีคนวิ่งไล่ตามมาด่าฉันที่ก่อเรื่อง ครั้นแล้วจึงหยุดฝีเท้า
สุนัขตัวนั้นเห็นฉันหยุดลงก็รีบถอยหลังไปหลายก้าว พูดอย่างเหนื่อยหอบ “เจ้า…เจ้าปีศาจร้าย เจ้าแน่มาก ร้ายกาจถึงเพียงนี้”
“แกพูดภาษามนุษย์ได้! แกต่างหากที่เป็นปีศาจร้าย ฉันเป็นแมว! เมี้ยว…” เพื่อจะยืนยันว่าตนเป็นแมวของจริง ฉันจึงเกลือกกลิ้งไปกับพื้นหลายรอบ ให้เขาดูหนังท้องขาวนุ่มของฉันเสียเลย
“บังอาจ!” เขาตวาดด้วยความเดือดดาล “ข้าคือสุนัขเซี่ยวเทียนของเทพเอ้อร์หลางแห่งแดนสวรรค์! เป็นสุนัขเทพ!”
“แกเป็นสุนัข!” ฉันโต้แย้ง
“เป็นสุนัขเทพ!”
“เป็นสุนัข!”
พวกเราโต้เถียงกันอยู่พักใหญ่ โดยโยนจุดประสงค์เดิมออกไปจากสมอง สุดท้ายยังคงตัดสินใจที่จะใช้กำลังแก้ไขปัญหา