พูดจบก็มีหมอกควันพวยพุ่งขึ้นมาจากร่างของเขา ที่ปรากฏขึ้นมากลางหมอกควันคือบุรุษผมสั้นสีขาวคนหนึ่ง ร่างกายสูงใหญ่มาก กระทั่งเปรียบกับจอมมารวัวกระทิงแล้วยังสูงกว่าหนึ่งช่วงศีรษะ ผิวของเขาค่อนข้างซีดขาว ไม่มีสีเลือดสักเท่าไร องคาพยพทั้งห้าหล่อเหลางดงาม บนร่างสวมเสื้อเกราะที่ทำด้วยเหล็กเป็นวงร้อยต่อกัน บนสายรัดเอวเหล็กรูปศีรษะช้างมีค้อนทองคำใหญ่คู่หนึ่งเหน็บอยู่ บนมงกุฎฝังเพชรยังมีขนหางนกยาวๆ ปักอยู่อีกสองอัน คล้ายแม่ทัพผู้มีท่วงทีของปัญญาชนที่เคยเห็นอยู่ในการแสดงงิ้ว
ราชาอินทรีที่อยู่ด้านข้างก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าอีกครั้งคือบุรุษรูปร่างผอมแห้ง เห็นโหนกแก้มบนใบหน้าชัดเจน ริมฝีปากบาง จมูกนกอินทรี นัยน์ตาสีทองคู่นั้นคมกริบราวกับสามารถมองทะลุทุกสิ่ง ร่างสวมเสื้อผ้าธรรมดาเรียบง่าย เอวมีตะขอเหล็กห้อยอยู่คู่หนึ่ง ทั่วร่างเปี่ยมด้วยพลังอันฮึกเหิมอย่างไม่อาจปิดบังไว้ได้
ในที่สุดแรดนอเดียวที่อยู่ข้างหลังก็เบียดเข้ามาได้ เขาก็แปลงร่างเป็นคน เป็นบุรุษรูปร่างแข็งแรงอ้วนท้วน ดวงตาเล็กยิ้มจนเป็นเส้นตรง ไม่ได้พกอาวุธอะไร ท่าทางสุภาพอ่อนโยน ทำให้ข้าเกิดความรู้สึกที่ดีด้วย
จอมมารคชสารเดินเข้ามา หยุดอยู่เบื้องหน้าข้า เขาหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อด้วยท่าทีเขินอายแล้วเอ่ยขึ้น “แม่นางเหมียวเหมียว ข้าเขียนจดหมายรักให้เจ้าฉบับหนึ่ง”
ข้าใช้สายตาขอความช่วยเหลือมองไปที่อิ๋นจื่ออีกครั้ง เขารีบตอบแทนข้า “นางไม่รู้หนังสือ ท่านอ่านเองเถิด”
ครั้นแล้วใบหน้าของจอมมารคชสารก็แดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย เขาคลี่กระดาษ อ่านออกมาทีละคำอย่างจริงจัง “ตะพาบนึ่งทรงเครื่อง เนื้อลานึ่งหมักสุราบุปผา กุ้งหมักน้ำปรุงรสต้ม น้ำแกงหัวปลาใส่เต้าหู้ ปลาจะละเม็ดราดพริก ปลาหลี่น้ำแดง ตะพาบน้ำนึ่ง กุ้งแช่สุรา…”
ข้าเบิกตากว้าง เขาท่องชื่ออาหารออกมาชนิดหนึ่ง น้ำลายข้าก็ไหลออกมาส่วนหนึ่ง อยากกินจนแทบจะกระโจนเข้าไป…
คิดไม่ถึงว่าราชาอินทรีที่อยู่ข้างหลังผู้นั้นจะเดินเข้ามา ดึงชายเสื้อจอมมารคชสารเบาๆ พลางกระซิบ “เจ้าหยิบกระดาษผิดแล้ว นี่เป็นตำราอาหารที่ข้าคัดลอกให้พ่อครัว”
รอบด้านมีเสียงหัวเราะ สีหน้าของจอมมารคชสารยิ่งดูตื่นเต้นมากขึ้น เขารีบคลำหากระดาษอีกแผ่นออกมา เริ่มอ่านด้วยสีหน้าแดงระเรื่ออีกครั้ง “ในป่ามีละมั่งตาย หญ้าคาขาวห่อคลุมร่างไว้ สาวน้อยนางหนึ่งเริ่มรู้จักอารมณ์รักใคร่ หนุ่มน้อยมาเกี้ยวพาหยอกล้อ…”
ครานี้ข้าไม่เข้าใจโดยสิ้นเชิงแล้ว…มองเขาโคลงศีรษะไปมาอย่างเหม่อลอย ตะวันบนท้องฟ้าสาดแสงลงมา ข้ารู้สึกอบอุ่นไปทั้งร่าง อยากจะฟุบลงไปนอนเสียเดี๋ยวนี้
ข้าอ้าปากกว้างหาวคำโต สะบัดหางทีหนึ่ง ข้าสังเกตเห็นขนหางนกบนมงกุฎกำลังแกว่งไกวไปตามศีรษะของจอมมารคชสาร ประเดี๋ยวแกว่งไปทางขวา ประเดี๋ยวแกว่งไปทางซ้าย คล้ายตอนเจ้านายเล่นไม้ล่อแมวกับข้าไม่มีผิด ทำให้ดวงตาของข้าเริ่มส่ายไปตามขนหางนกสองอันนี้ด้วยความเคยชิน
ซ้าย…ขวา ซ้าย…ขวา ซ้าย…ขวา…ในใจข้าคันยุบยิบ ร่างกายไม่อยู่ในความควบคุม กรงเล็บค่อยๆ ยืดยาวออกมา จิตใจจดจ่อรอพริบตาที่ขนหางจะหยุดนิ่ง
ทันทีที่บทกวีกล่อมนอนหยุดลง ข้าก็กระโจนเข้าใส่ขนหางนกด้วยอานุภาพดุจอสนีบาตฟาดเปรี้ยง