รังสีเข่นฆ่าแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ต้นไม้ก็ยังสั่นระริก พลังที่แข็งแกร่งเกรียงไกรกดคุกคามจนข้าออกจะรู้สึกไม่สบายตัว
อิ๋นจื่อยิ่งตื่นตระหนกจนทรุดลงไปนั่งกับพื้น ตัวสั่นงันงก พูดแทบไม่เป็นคำ “ข้า…ข้าเป็นอีกาน้อยที่มีฌานตบะหลายร้อยปีตัวหนึ่งเท่านั้น ข้าชื่ออิ๋นจื่อ ข้าไม่ได้ทำร้ายมนุษย์!! ข้าไม่ได้ปล้นสะดม! ท่านเทพได้โปรดไว้ชีวิต!”
บุรุษผู้นั้นไม่ได้ตอบเขา กลับชี้กระบี่มาที่ข้า ถามขึ้น “แมวตัวนี้เล่า”
“นาง…นางชื่อเหมียวเหมียว ฌานตบะยิ่งอ่อนด้อย! เป็นแมวโง่ที่ไม่มีค่าพอจะกล่าวถึงตัวหนึ่งเท่านั้น!” อิ๋นจื่อดูเหมือนจะสงบใจลงได้บ้างแล้ว เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้านต่อไป “พวกเราอยู่ที่ภูเขาลั่วอิงแห่งนี้ คบหากับผู้คนน้อยมาก ทั้งไม่ได้ก่อกรรมทำชั่ว และไม่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต! ไม่เชื่อไปถามชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้เคียงดูได้ ท่านเทพได้โปรดไว้ชีวิต! ไว้ชีวิตด้วย!”
ข้าไม่เข้าใจ เพราะเหตุใดอิ๋นจื่อจึงโกหก รีบแย้งขึ้น “พูดเหลวไหล! ข้าร้ายกาจยิ่ง! เดือนที่แล้วยังสังหารปีศาจหนูตัวหนึ่ง ยังมี…ยังมี…”
อิ๋นจื่อตกใจจนใบหน้าซีดเผือด พยายามทำมือทำไม้ให้ข้าหุบปาก
“ยังเคยสังหารคนผู้หนึ่ง!” ข้าไม่ได้สนใจการทำมือทำไม้ของอิ๋นจื่อ โอ้อวดตนต่อบุรุษผู้นั้นด้วยความภาคภูมิใจต่อไป
บุรุษผู้นั้นสีหน้าเยียบเย็น มุมปากกลับหยักยกขึ้นน้อยๆ “เจ้าเคยสังหารคน?”
“อืม คนผู้นั้นมาที่นี่ บอกว่าเขาคือราชาแห่งขุนเขา สังหารคนแล้วชอบไม่ฝัง เอามาโยนไว้ในลานบ้านข้า แทบจะทำให้ข้าเหม็นตาย” ข้าหวนนึกถึงความทรงจำอันเจ็บปวดที่ไม่อยากจะย้อนกลับไปนึกถึง พูดอย่างกลัดกลุ้ม “อิ๋นจื่อไปเรียกเขาให้มาขุดหลุมฝังเอง เขาไม่ยอม ยังคิดจะกัดอิ๋นจื่อด้วย ข้าจึงตีเขาตาย”
“เขาไม่ใช่กัด แต่คิดจะ…ช่างเถิด พูดไปท่านก็ไม่เข้าใจ” อิ๋นจื่อเงียบไป แล้วมองบุรุษที่อยู่ด้านหลังอย่างน่าสงสาร “เทพปี้ชิง…ที่สังหารในครั้งนั้นเป็นโจรร้ายที่ก่อกรรมทำชั่วทุกอย่าง พวกเราทำไปก็ด้วยสถานการณ์บังคับ…ท่านละเว้นพวกเราปีศาจน้อยทั้งสองด้วยเถิด”
ในที่สุดครั้งนี้ข้าก็เข้าใจถึงชื่อนี้แล้ว ที่แท้เขาก็คือท่านเทพร้ายกาจที่ระยะนี้อิ๋นจื่อเฝ้านึกถึงทั้งคืนทั้งวัน จึงอดเบิกตากว้างมองเขาไม่ได้ เป็นนานก็พูดอะไรไม่ออก
บรรยากาศรอบด้านนิ่งเงียบอยู่เป็นนาน รังสีเข่นฆ่าค่อยๆ จางลง
เทพปี้ชิงพลันหัวเราะออกมาเบาๆ ครั้งหนึ่ง แล้วกลับคืนสู่ความเคร่งขรึมอย่างรวดเร็ว เขายื่นมือมาคว้าลำคอด้านหลังข้าแล้วหิ้วตัวขึ้นมาพลางกล่าวกับอิ๋นจื่อ “ละแวกใกล้เคียงนี้ไม่ได้ยินข่าวว่ามีปีศาจก่อกรรมทำชั่วจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ข้าจะละเว้นพวกเจ้า ต่อไปก็ทำตัวให้ดี”
อิ๋นจื่อได้รับการอภัยโทษ ทั่วร่างพลันรู้สึกผ่อนคลาย เขาระบายลมหายใจยาว เห็นข้ายังถูกจับตัวอยู่ก็รีบเอ่ยถาม “แล้ว…แล้วปีศาจแมวตัวนี้เล่า”
“แมวตัวนี้เคยดื่มโลหิตของข้า มีวาสนาเซียน ข้าเห็นแก่ที่นางนิสัยซื่อตรงไม่โกหกหลอกลวง จะพากลับไปสวรรค์รับไว้เป็นศิษย์ เปลี่ยนความเคยชินที่ไม่ดี นับแต่นี้มุ่งทำความดี” เทพปี้ชิงพูดอย่างจริงจังยิ่ง
อิ๋นจื่อได้ยินคำหนึ่งก็เบ้หน้าไปส่วนหนึ่ง ฟังถึงตอนท้าย ข้าก็รู้สึกว่าทั้งหน้าของเขาเป็นตะคริวไปแล้ว
น่าโมโหเสียจริง หรือเขาเห็นว่าข้าไม่ซื่อตรง โกหกหลอกลวง…
ข้ายังไม่ทันได้ส่งเสียงตำหนิกล่าวโทษ เทพปี้ชิงก็หิ้วข้าเหยียบขึ้นไปบนก้อนเมฆทำท่าจะผละจากไป อิ๋นจื่อได้สติรีบกระโจนเข้ามาร้องเรียก “ท่านเทพ…นาง…นางหัวสมองโง่เขลายิ่ง เกรงจะทำให้อับอายไปถึงท่านเทพที่อบรมสั่งสอน!”
“ไม่เป็นไร”
เทพปี้ชิงเพิ่งกล่าวจบ ก้อนเมฆก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ข้ายังคงถูกหิ้วอยู่ในมือเขา ถูกลมพัดจนร่างแกว่งไปมา ไม่สบายตัวอย่างมาก
อิ๋นจื่อกางปีกบินมา เขาพยายามจะไล่ให้ทันก้อนเมฆ แต่ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกทิ้งไว้จนไกล ไกลมาก…
ข้ามองเงาร่างของเขาที่เล็กลงทุกที ในใจมีความรู้สึกไม่สบายอย่างประหลาดพวยพุ่งขึ้นมา
“เมี้ยว…”
โปรดติดตามตอนต่อไป