เหมียวเหมี่ยวถูฝ่ามือไปมา เอ่ยด้วยความเก้อเขิน “คือว่า…คราวก่อนฉันไม่ได้เตรียมตัว มื้อกลางวันวันนั้นฉันก็เลยหาอะไรกินพอถูไถ…หรูหรูมีวีแชตของฉัน คราวก่อนเธอมีสอบไม่ได้มาทำงานก็เลยไม่รู้ว่าวันนั้นร้านปิด เธอเลยไม่ได้บอกฉันก่อน คือว่า…ต่อไปถ้าจะไม่เปิดร้านบอกฉันหน่อยได้ไหมคะ”
หานต้งเลิกคิ้ว “เบอร์มือถือครับ”
“คะ?”
“เบอร์มือถือของคุณน่ะ” หานต้งตอบอย่างรวบรัด
“อ๋อๆ 135xxxxxxxx จำได้มั้ยคะ จะเขียนไว้ในสมุดหรือเปล่า” เหมียวเหมี่ยวถาม
“ไม่ต้องหรอก” หานต้งส่ายหน้า “ผมจำได้”
“…” เหมียวเหมี่ยวพยักหน้า มองหานต้งที่มีท่าทีเฉยชาอันเป็นเอกลักษณ์เดินกลับไปยังห้องครัว
แปลกจัง ถ้าความจำดีขนาดนั้น…ทำไมถึงได้จด ‘เหมือนเดิม’ ลงไปในสมุดด้วยล่ะ…
“เฮ้อ…ในที่สุดก็จบเสียที ให้ตายเถอะ นี่บ่ายโมงกว่าแล้ว เหมียวเหมี่ยว เธอรอจนแทบจะหลับอยู่แล้วใช่หรือเปล่า” หวงหรูหรูทุบหลังทุบขาเดินกะโผลกกะเผลกมานั่งลงบนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเหมียวเหมี่ยว
เหมียวเหมี่ยวโบกมือถือไปมา “เปล่าหรอก แค่มือถือใกล้แบตฯ หมดน่ะ”
“พี่เหมียว! ได้ข่าวว่าพี่ซื้อรถมาใหม่นี่นา! เมื่อไหร่จะพาพวกเราไปนั่งรถรับลมกันล่ะครับ!” เสียงใสกังวานของเจิ้งหลินเทียนซึ่งเป็นเด็กฝึกงานของหานต้งดังออกมาโดยที่เขาไม่ได้ออกมาจากครัวด้วยซ้ำ
เจิ้งหลินเทียนเพิ่งอายุยี่สิบปี เด็กกว่าหวงหรูหรู เริ่มเรียนทำครัวกับหานต้งตั้งแต่อายุสิบแปด ได้ยินเขาคุยโม้ไว้ว่าหานต้งเป็นพ่อครัวฝีมือเยี่ยมยอด ฉะนั้นถึงได้มาเรียนกับหานต้ง แต่ว่าเหมียวเหมี่ยวไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไร
เหมียวเหมี่ยวตอบกลับไปเสียงดัง “ฉันไม่ได้เป็นคนซื้อ! นายออกมาฟังฉันอธิบายสิ!”
“เสียงก้องเกินไปน่ะ” เสียงของเธอเรียกเจิ้งหลินเทียนออกมาไม่ได้ แต่กลับเรียกหานต้งให้ออกมาจากห้องครัวได้
เขายืนมองออกมาจากห้องโถงใหญ่ เอ่ยถามเหมียวเหมี่ยวว่า “รถของคุณเหรอ?”
เหมียวเหมี่ยวเอียงศีรษะ “เอ่อ จะพูดยังไงดีล่ะคะ ก็เป็นของฉันนั่นแหละค่ะ”
เจิ้งหลินเทียนเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ววิ่ง ‘ตึงตัง’ ออกมา “เดี๋ยวๆๆๆ ผมมาแล้ว ไม่มีลูกค้าแล้วใช่มั้ย รีบพูดเร็วเข้า” เอ่ยไปก็เอาตัวเบียดเข้ามาอยู่ข้างๆ หวงหรูหรู ทำท่าตั้งใจเรียนเหมือนนักเรียน หูลู่ขึ้นเตรียมฟังการบรรยายของเหมียวเหมี่ยว
เหมียวเหมี่ยวหน้าเจื่อนไปหมด เธอมองหานต้งที่ปกติแล้วจะไม่ได้สนใจเรื่องอะไรเป็นพิเศษกำลังย้ายเก้าอี้มานั่งอยู่อีกฝั่งอย่างกับเตรียมตัวสังเกตการณ์ก็รู้สึกจนใจเป็นที่สุด “เอ่อ…เรื่องนี้แปลกมากเชียวล่ะ คือว่า…”
ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ต่างก็รู้ว่าเหมียวเหมี่ยวเป็นนักวาดการ์ตูน แต่ไม่รู้ว่าเธอวาดอะไร เหมียวเหมี่ยวเล่าตัดทอนเรื่องนี้ประมาณหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ตอนนี้ฉันปวดหัวจะตายอยู่แล้ว”
“ตายจริง…เฟอร์รารี่เลยเหรอ” หวงหรูหรูตื่นเต้นตาโตอ้าปากค้าง
“พี่เหมียว ต่อให้พี่จับสลากก็คงไม่มีทางได้รถยนต์หรอก เศรษฐีคนไหนนะที่ใจกว้างขนาดนี้!”
เหมียวเหมี่ยวกลัดกลุ้ม “แต่…นี่ไม่ใช่รถที่ฉันหาเงินซื้อมาเอง ยังไงก็รู้สึกว่าไม่ใช่ของตัวเองอยู่ดี ละอายใจมากๆ พวกเธอว่าควรทำยังไงดี?”
ความตั้งใจเดิมเหมียวเหมี่ยวอยากถามความเห็นของเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกันอย่างหวงหรูหรูกับเจิ้งหลินเทียน คิดไม่ถึงว่าทั้งสองจะตอบกลับมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ “จะทำยังไงได้ เขาให้เธอแล้วก็ต้องรับเอาไว้สิ! รับเอาไว้เลยไง”
เหมียวเหมี่ยวได้ฟังก็ว้าวุ่นใจ