เหมียวเหมี่ยวยังคงออกแรงยกเป้ปีนเขาออกมาจากที่เก็บของท้ายรถอีกฝั่งหนึ่ง เธอเอาเปรียบคนอื่น ก็เลยรู้สึกไม่ดีเอามากๆ เธอรู้ว่าเขาฟางซานเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการปิกนิก ฉะนั้นเมื่อคืนเหมียวเหมี่ยวเลยซื้อขนมมาเยอะแยะ รวมไปถึงของแช่แข็งด้วย แต่ตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิต้นฤดูหนาว อากาศหนาวยังมีความร้อนปนอยู่ อาหารแช่แข็งจึงพากันละลายไม่รู้จักหยุดหย่อน น้ำไหลจ๊อกๆ อย่างสบายอารมณ์
เหมียวเหมี่ยวนำเป้ปีนเขาวางบนพื้น เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าก็พลันทำหน้าเศร้า ฟางไหลหยางเดินกลับมา เห็นสีหน้าของเธอก็สงสัย “เป็นอะไรไป”
เหมียวเหมี่ยวรูดซิปให้ฟางไหลหยางดู “ฉันซื้อบาร์บีคิวเสียบไม้แช่แข็งมา ตอนนี้ละลายหมดแล้ว…ในกระเป๋ามีแต่น้ำ โธ่…แถมฉันยังเอาสมุดสเก็ตช์ภาพมาเพราะอยากจะซึมซับบรรยากาศเสียหน่อย แต่ก็เปียกไปหมดแล้ว…” เธอพูดเหมือนจะร้องไห้พลางดึงสมุดสเก็ตช์ภาพที่เปียกไปส่วนหนึ่งออกมา
ฟางไหลหยางเห็นกระเป๋าที่เธอเอามาก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี เขาสะพายแค่กระเป๋าใบเล็กๆ เบากว่าเป็นไหนๆ เพราะรู้ว่ายังไงเฉินตั๋วก็ต้องเตรียมข้าวของอื่นๆ ไว้หมดแล้ว ตัวเองเอามาแค่ของที่จำเป็นก็พอ แต่เขาไม่คิดว่าเหมียวเหมี่ยวจะถึงขั้นเอาเป้ปีนเขาที่ใบใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งของตัวเธอมาด้วย
ฟางไหลหยางจงใจถามเธอด้วยความประหลาดใจ “คุณวาดรูปเป็นด้วยเหรอ”
“เอ่อ…” เหมียวเหมี่ยวพยักหน้า “ฉัน…ชอบวาดรูปน่ะค่ะ วาดเล่นๆ เท่านั้นเอง” เหมียวเหมี่ยวเอ่ยด้วยความถ่อมตัว แกว่งสมุดสเก็ตช์ภาพไปมา ทั้งคู่มองหยดน้ำไหลออกจากสมุดร่วงลงพื้น ก็พลันมองหน้ากันอย่างหมดคำพูด
ฟางไหลหยางส่ายหน้าแล้วคว้าสมุดสเก็ตช์ภาพในมือของเหมียวเหมี่ยวมา เปิดไปสองสามหน้าก็พบว่ายังไม่ได้เปียกมากเท่าไร ส่วนใหญ่ยังไม่บุบสลาย ดูเหมือนว่าปกติแล้วเธอจะใช้สมุดเล่มนี้จดแรงบันดาลใจ ข้างในวาดอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด บางครั้งก็มีตัวหนังสือหวัดๆ สีสันฉูดฉาด ฟางไหลหยางเปิดดูให้ช้าลงอีกหน่อย ถึงได้มองเห็นคำว่า ‘เหมียวไก่ฉีก’ อย่างชัดเจน
เขาคืนสมุดให้เหมียวเหมี่ยวโดยไม่ได้เอ่ยอะไร แล้วค้นกระดาษทิชชูในกระเป๋าออกมา
แมวเหมียวตัวนี้คงฝึกเซ็นชื่ออยู่สินะ
ฟางไหลหยางก้มหน้าลง รูดซิปกระเป๋าสะพาย แต่ก็อดโค้งมุมปากขึ้นไม่ได้
เหมียวเหมี่ยวลากกระเป๋ามาไว้ข้างๆ ฟางไหลหยาง คว้าสมุดสเก็ตช์ภาพส่วนที่ไม่เปียกน้ำหลายสิบหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยถามฟางไหลหยาง “จะทำอะไรเหรอคะ”
ฟางไหลหยางไม่ตอบ ทว่าดึงทิชชูหลายแผ่นออกมาแล้วแผ่ออก จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบสมุดสเก็ตช์ภาพมา วางทิชชูลงระหว่างส่วนที่เปียกชื้น เมื่อปิดสมุดเข้าที่ก็ยัดคืนใส่มือเหมียวเหมี่ยว
“อ่า…” เหมียวเหมี่ยวเห็นเขาทำทั้งหมดนี้ด้วยความว่องไวก็เอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณนะคะ”
“ขึ้นเขากันเถอะ ผู้…เพื่อนผมรออยู่”
ฟางไหลหยางชี้ไปที่บันไดขึ้นเขา เหมียวเหมี่ยวพยักหน้า ลากเป้ปีนเขาขนาดมหึมาพร้อมคิดว่าจะสะพายขึ้นหลัง
ฟางไหลหยางเห็นสภาพแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว เอ่ยเตือนเธอ “ดูเหมือนว่ากระเป๋านี้จะหนักกว่าตัวคุณซะอีกนะ ระวังด้วยก็แล้วกัน”
“ได้ค่ะ! ฮึบ ฉันแรงเยอะน่ะค่ะ!” เหมียวเหมี่ยวคุยโวพลางสะพายกระเป๋าไปด้วย อย่างกับว่าทั้งตัวถูกอัดจนเตี้ยไปหนึ่งเซนติเมตร สายสะพายด้านหนึ่งพลิกอยู่บนไหล่ของเธอ เธอเอื้อมมือกลับไปอยากจะพลิกกลับแต่ก็ทำไม่ได้ จึงได้แค่กระโดดขึ้น อยากให้กระเป๋าสะพายกระเด้งขึ้นพร้อมกับเธอ จะได้ปรับสายให้เข้าที่
ผลปรากฏว่าการกระโดดคราวนี้ทำให้เธอเสียสมดุล เหมียวเหมี่ยวถูกเป้ปีนเขาดึงตัวหงายหลังลงไป