เขาในตอนนี้ไม่ใช่หลิ่นอ๋องผู้สูงส่งอีกแล้ว เขาต้องอยู่บ้านนี้ต่อไปเพื่อรักษาชีวิต ยอมให้คนในบ้านเลี้ยงยังดีกว่าถูกคนใจร้ายไล่ตะเพิดหรือถูกสุนัขกวดแล้วกัน
ชายหนุ่มยิ้มเยาะตนเอง ที่ผ่านมาหลิ่นอ๋องผู้ยิ่งใหญ่มีแต่คนยกย่องนอบน้อม ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่เขาต้องยอมลดศักดิ์ศรี
เหตุใดเขาถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้เล่า หรือว่าหลังจากตกหน้าผา เขาจะได้รับบาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต วิญญาณเลยมาเข้าร่างแมวใกล้ตายอย่างนั้นหรือ
‘ลิ่นจื่อเชิน ข้าขอสาปแช่งเจ้า วันนี้เจ้าทำกับข้าไว้อย่างไร เหยียดหยามข้าให้อัปยศอดสูเพียงใด ต่อไปขอให้เจ้าถูกกรรมตามสนองเป็นเท่าทวี เจ้าจะกลายเป็นเดรัจฉานที่ต่ำต้อยที่สุด จะได้รู้รสของการถูกเหยียบย่ำ จะได้เสียใจอย่างสุดซึ้งกับการกระทำของตนเอง…’
เขานึกถึงคำสาปแช่งก่อนตายของหญิงแซ่เฮ่อเหลียนผู้นั้นขึ้นมาแล้วหนาวเยือกอยู่ในใจ ทว่าจากนั้นก็รีบปฏิเสธ บอกตนเองว่าเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด หากคำสาปแช่งมีอยู่จริง แค่ด่าใครส่งๆ แล้วกลายเป็นจริงไปหมด โลกมิอลหม่านยกใหญ่หรือ อีกอย่างเขาก็ไม่อยากยอมรับด้วยว่าคนอย่างเขาจะถูกสตรีผู้หนึ่งเล่นงาน!
แต่นอกเหนือจากนี้ก็หาคำอธิบายไม่ได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเขาถึงได้ตกอยู่ในสภาพนี้ เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตอนนี้ร่างของตนเองเป็นอย่างไรบ้าง
ไม่ เขาจะต้องยังมีชีวิตอยู่สิ! เขาตกจากหน้าผาพร้อมเซียวหลง พวกองครักษ์จะต้องออกตามหาอย่างแน่นอน ไม่มีวันปล่อยให้เขาตายไปหรอก!
ลิ่นจื่อเชินสงบสติอารมณ์ ที่ทำได้ตอนนี้คือต้องปรับตัวตามสถานการณ์ไปก่อน ไว้พอขาดีขึ้นเมื่อไรค่อยหาวิธีติดต่อกับคนของตนเองแล้วกลับเข้าร่างเดิม
พอคิดหาวิธีรับมือได้ หัวใจก็ผ่อนคลายอย่างแท้จริง เขาเริ่มเลียขนแต่งเนื้อแต่งตัวตามสัญชาตญาณ
แต่พอดวงตาสีเขียวเหลือบไปทางกระจก เขาก็ทำหน้าตื่นตระหนกสุดขีด เขาจะเลียขนทำบ้าอะไรกัน เขาไม่ใช่แมวเสียหน่อย!
เมื่อจิตใจผ่อนคลาย ท้องก็หิวเสียจนทนไม่ไหว เพื่อแสดงความไม่พอใจชื่อซย่ามีมีที่สตรีผู้นั้นตั้งให้ เขาจึงประท้วงด้วยการไม่ยอมกินข้าวและทนหิวมาจนตอนนี้
ลิ่นจื่อเชินบอกตนเองว่าต้องกินให้ท้องอิ่ม แผลถึงจะดีขึ้นแล้วไปจากที่นี่ได้ ดังนั้นเขาจะยอมฝืนใจให้เกียรติกินอาหารที่หาความอร่อยไม่เจอก็แล้วกัน
ข้าวขาวคลุกเศษเนื้อจะอร่อยสักเท่าไรกันเชียว สตรีผู้นั้นจงใจแน่ๆ ถึงได้ไม่ยอมให้เขากินข้าวผัดหอมกรุ่นกับอาหารที่เก็บกลับมาจากโรงเตี๊ยม
ลิ่นจื่อเชินกระโดดลงจากโต๊ะเครื่องแป้ง ลองก้มหน้าเล็มข้าวกินอย่างมีอคติ แต่แล้วก็ต้องชะงัก เอาเข้าจริงก็ไม่ถึงกับแย่ แต่รสอ่อนเกินไป เขาชอบกินอาหารรสจัดๆ
เนื่องจากหิวจนท้องกิ่ว เขาจึงกินหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กินน้ำ อาจเป็นเพราะตั้งแต่เมื่อวานจนวันนี้นี่เป็นเวลาที่เขาผ่อนคลายที่สุด พอท้องอิ่มแล้วจึงรู้สึกอ่อนเพลีย เปลือกตาหนักอึ้ง แต่จะนอนที่ใดเล่า
อ๋องหนุ่มไม่พอใจลังกระดาษที่เตรียมไว้ให้ตนเองนัก อาจพูดได้ว่ารู้สึกเหยียดหยามด้วยซ้ำ ตอนแรกเขาตั้งใจจะเดินไปนอนที่อื่น แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงได้เปลี่ยนความคิดลงไปขดตัวในกล่อง ประหลาดแท้ อยู่ๆ เขาก็เกิดโปรดปรานที่เล็กแคบเช่นนี้ขึ้นมา รู้สึกว่าแค่ขดตัวนอนในนี้จะต้องหลับสบายแน่
หากตื่นขึ้นมาแล้วได้กลับไปอยู่ในร่างเดิมของตนเองจะดีเพียงใดกันนะ…เขาคิดอย่างนั้นก่อนจะหลับไป
อึดใจต่อมาซย่าหมิ่นปรือตาขึ้นอย่างงัวเงีย นางเหมือนได้ยินเสียงกุกกักเลยลองกวาดตาไปรอบๆ แล้วเหลือบไปทางลังกระดาษตรงมุมห้อง แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ จากนั้นนางก็ดึงผ้าห่มที่ถูกหลานๆ ถีบทิ้งมาห่มคลุมร่างเล็กๆ ใหม่ แล้วปิดตาหลับไปอีกครั้ง