ทดลองอ่าน แมวบ้านข้าเป็นท่านอ๋อง – หน้า 16 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

14 วัน 14 เรื่อง

ทดลองอ่าน แมวบ้านข้าเป็นท่านอ๋อง

“มีมีโกง!” เสียงเอ๋อร์ประท้วง

โกงแล้วจะอย่างไร อ๋องหนุ่มคร้านจะสนใจ แต่ไม่นึกว่าเสียงเอ๋อร์จะหยิบไม้ตกแมวมาแกว่งไปมาตรงหน้า

ลิ่นจื่อเชินตาวาว กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ขณะใช้เท้าหน้าตะปบไม้ตกแมว

เด็กบ้า น่าจะเอาออกมาเล่นตั้งนานแล้ว ปล่อยให้ข้าเบื่ออยู่ได้! เขาบ่นในใจ

เมื่อเด็กๆ เล่นจนเต็มที่และเริ่มเพลียแล้วก็ได้เวลานอนกลางวัน โดยซย่าเจวี้ยนเป็นคนพาหลานไปนอน

ส่วนเขาจะออกไปข้างนอก

แน่นอนว่าลิ่นจื่อเชินไม่ยอมอยู่ไปวันๆ อย่างนี้แน่ เขาอยู่ที่บ้านนี้ก็เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ตอนนี้ขาหลังดีขึ้นมากแล้ว จึงเริ่มออกไปสืบข่าวคราวความเป็นไป เขาอยากรู้ว่าเวลานี้เกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ ขึ้นในเมืองหลวงบ้างหรือไม่ แล้วร่างของเขาเป็นอย่างไรแล้วบ้าง ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

แต่เวลาเขาอ้าปากทีก็มีแต่เสียงเมี้ยวๆ อย่างเดียว ควรต้องสืบอย่างไรดีเล่า

เขามีหูแมวสองข้างที่ใช้ฟังสิ่งต่างๆ ได้ ตั้งแต่มาอยู่ในบ้านสกุลซย่า เขาเคยได้ยินคนบ้านนี้พูดกันว่าที่นี่คือเมืองเฉาหยาง เมืองนี้เขารู้จัก อยู่ในอำเภอหนานหยาง ไม่นับว่าใกล้เมืองหลวงแต่ก็ไม่ไกล ถือเป็นศูนย์กลางสำคัญที่คนค้าขายมาชุมนุมกัน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสืบข่าวของเขา

เนื่องจากมีประสบการณ์ชวนผวาของการถูกไล่ฆ่ามาก่อน เดี๋ยวนี้เวลาออกไปข้างนอกเขาจะคอยเลี่ยงฝูงชนอย่างระมัดระวัง ลอบประเมินสถานการณ์ก่อนค่อยเดินออกไป เขามาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘หวังจี้’ เป็นโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองเฉาหยาง มีพ่อค้าเข้ามาพักมากมายจึงเป็นจุดสืบข่าวอันดีเลิศ พวกเสี่ยวเอ้อร์วิ่งทำงานกันหัวหมุน จึงไม่มีใครสังเกตเห็นเขา เขาเลยค่อยๆ แอบเข้าไปนั่งฟังคนคุยกันใต้โต๊ะตัวหนึ่ง

เหมือนอย่างหลายครั้งก่อนหน้าที่ออกมาสืบข่าว ลิ่นจื่อเชินมักจะได้ข้อมูลที่ต้องการกลับไปเสมอ เขาไม่ตาย แต่นอนไม่ได้สติ เห็นว่าในเมืองหลวงลือเรื่องที่เขาสลบไม่ฟื้นกันใหญ่โต เสด็จพี่จักรพรรดิประกาศให้หมอสามัญชนชื่อดังมาลองรักษา ดูท่าอาการของเขาจะไม่สู้ดีนัก แต่อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็มีความหวังว่าจะได้กลับเข้าร่างเดิมของตนเอง

คนค้าขายคุยกันย่อมเลี่ยงไม่พ้นเรื่องขั้นตอนการขนส่งสินค้าและจุดหมายปลายทาง ครั้งนี้เขาอยากสืบรู้เส้นทางกลับเมืองหลวง หากมีขบวนพ่อค้าเดินทางไปเมืองหลวงพอดี เขาจะได้กระโดดขึ้นรถไปด้วย น่าเสียดายที่ตอนนี้มีแต่พ่อค้าเดินทางจากเมืองหลวงมาแวะเฉาหยาง แล้วเดินทางต่อไปจุดหมายอื่นทั้งนั้น

พอนั่งฟังเสร็จลิ่นจื่อเชินก็รีบกลับบ้าน เขาต้องกลับไปให้ถึงก่อนที่เด็กสองคนนั้นจะตื่น เพราะจอมซนทั้งคู่ติดเขาแจ หากไม่ได้เห็นเขานานๆ จะกอดรัดเขาโดยแรงจนเขาแทบหายใจหายคอไม่ออก

ระหว่างทางกลับบ้านชายหนุ่มเห็นร่างคุ้นตาร่างหนึ่งเดินไปตามถนน ซย่าหมิ่นนั่นเอง ปกติเวลาเช่นนี้นางต้องเปิดแผงรักษาคนไม่ใช่หรือ แล้วนั่นนางจะไปที่ใด

แค่คิดถึงซย่าหมิ่น ลิ่นจื่อเชินก็อดโมโหไม่ได้ เขารู้ว่าสกุลซย่ายากจน แต่ไม่รู้ว่าจะแร้นแค้นขนาดเนื้อยังไม่มีปัญญาซื้อ อาหารแต่ละมื้อล้วนเป็นผัก ถ้ามื้อใดมีเศษเนื้อให้กินสักนิดก็ถือว่าหรูหรามากแล้ว เขาเองก็ไม่เลือกมากนักหรอก

แต่เขาไม่สามารถให้อภัยสตรีผู้นั้นได้เลย ทั้งที่นางทำอาหารอร่อยมาก สามารถใช้เครื่องปรุงง่ายๆ มาทำข้าวผัดเลิศรสที่ส่งกลิ่นหอมฉุยจนเขาท้องร้อง แต่นางกลับไม่ยอมให้เขากิน อาหารที่เขากินล้วนแต่จืดชืดไม่มีรสไม่มีชาติ นอกจากนางจะขี้เหนียวอย่างน่าโมโห ยังจงใจไม่ให้เขากินของดี ไว้เขาได้คืนร่างกลับเป็นคนเมื่อไร ค่อยมาคิดบัญชีกับนางทีหลัง

แน่นอนว่าลิ่นจื่อเชินไม่รู้ว่าแมวกินอาหารคนไม่ได้ เพราะรสเค็มในอาหารเป็นภาระที่หนักหน่วงเกินไปต่อร่างกาย สิ่งที่เขากินจึงมีแต่อาหารแมวที่ซย่าหมิ่นทำให้เป็นพิเศษอย่างใส่ใจ

นางจะไปร้านยาเหรินเต๋ออย่างนั้นหรือ เขาเดินอยู่ข้างหลังหญิงสาว มองไปยังทางที่นางเดินไป พบว่าข้างหน้าเป็นร้านยาเหรินเต๋อ

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in 14 วัน 14 เรื่อง

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com