ซย่าซื่อกลัวแมวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งแมวที่ดำทะมึนน่ากลัวเช่นนี้ นางเห็นเข้าก็รีบถอยกรูดไปยืนหลบอยู่ห่างๆ พลางตะเบ็งเสียงเรียกคนให้มาไล่มันออกไป “ใครก็ได้ มาไล่ไอ้แมวตัวนี้ไปที…”
ลูกจ้างในร้านได้ยินเสียงเจ้านายหวีดร้องก็นึกว่าเกิดอะไรขึ้น เลยวิ่งพรวดพราดเข้ามาพร้อมกันทีเดียวหลายคน
คนอื่นยังไม่ทันไล่ ซย่าหมิ่นก็ก้มลงไปอุ้มมีมีขึ้นมากอดแล้วตวาดเสียงดัง “นี่แมวข้า ห้ามใครทำอะไรมันทั้งนั้น! พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” ประโยคสุดท้ายนางหันไปบอกผู้เป็นป้าที่ยืนแอบอยู่ตรงผนังห้อง ก่อนจะก้าวเดินออกไป
นางเดินเร็วจนไม่ได้ยินเสียงหลี่หรูเซิงร้องเรียก พอก้าวออกมาจากร้านยาเหรินเต๋อก็เดินฉับๆ ต่ออีกสักพักถึงค่อยหยุด
หญิงสาวแหงนหน้ามองฟ้าพลางถอนหายใจเฮือก “ทำอย่างไรดี ข้าดันทำปากเก่งไปแล้วว่าจะให้อาจื้อสอบจ้วงหยวน แต่ปัญหาคือตอนนี้ข้ายังไม่มีปัญญาจะจ่ายค่าเล่าเรียนให้เขาด้วยซ้ำ…ข้าน่าจะใจเย็นกว่านี้ ปั้นหน้าเล่นละครพูดจาดีๆ ใส่ท่านป้า แล้วขอร้องให้นางให้ยืมเงินมาสักก้อน”
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกจั๊กจี้ที่มือ พอก้มหน้าดูก็พบว่ามีมีกำลังเอาหัวมาไถๆ เข้ากับมือตนเอง นางกอดแมวดำให้แน่นขึ้นแล้วพูดอย่างซึ้งใจ “มีมี เจ้ากำลังปลอบข้าอยู่หรือ”
เปล่าเสียหน่อย…เขาแค่…
ลิ่นจื่อเชินอธิบายไม่ถูกว่าเหตุใดตนเองถึงทำเช่นนี้ ภาพในหัวเต็มไปด้วยสิ่งที่นางทำ…นางปฏิเสธข้อเสนอของหญิงแก่คนนั้น นางบอกอย่างองอาจแน่วแน่ว่าจะอาศัยกำลังของตนเองส่งเสียน้องชายจนเขาสอบจ้วงหยวน นอกจากนั้นนางยังประกาศเสียงดังว่าเขาเป็นแมวนาง ห้ามไม่ให้ใครทำอะไรเขาทั้งนั้น สั่นคลอนหัวใจของเขาให้ไหวสะท้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนนี้พอได้ยินนางพึมพำอย่างหดหู่ เขาเลยอดจะเอาหัวถูกับมือนางไม่ได้
มันอะไรกันนี่ บ้านนี้จะเป็นอย่างไรก็ไม่เห็นเกี่ยวกับเขาเลยสักนิด!
“มีมี ขอบใจนะที่ช่วยปลอบ ข้าดีใจมากเลย” ซย่าหมิ่นลูบขนแมวดำในวงแขนแล้วกอดมันแน่นขึ้น
ลิ่นจื่อเชินไม่อาจหนีออกจากอ้อมกอดนางเลยได้แต่ร้องม้าวๆ อย่างดุดัน
หญิงสาวถามสัตว์ตัวน้อยด้วยความฉงนสงสัย “จริงสิ มีมี เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่ร้านยาเหรินเต๋อได้ล่ะ ตามข้าเข้าไปในร้านอย่างนั้นหรือ” ดวงเนตรงามเป็นประกายแวววาว “หรือว่าเจ้า…มาช่วยคุ้มครองข้า”
ใครช่วยคุ้มครองเจ้ากัน ข้าแค่เข้าไปแอบฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้นล่ะ! ลิ่นจื่อเชินดิ้นสุดแรงเกิดเพื่อสลัดตัวออกจากอ้อมแขนของนาง
ซย่าหมิ่นกลัวว่าแมวจะตกลงไปเลยกอดมันให้แน่นกว่าเดิม เดินต่อไปเรื่อยๆ พลางว่า “เจ้านี่ไม่น่ารักเลยนะ ออกมาเที่ยวตะลอนๆ ข้างนอกเช่นนี้ หากถูกหมาไล่กวดแล้วกัดเข้าให้อีกจะทำอย่างไร”
ข้าไม่ดวงซวยถึงขนาดจะถูกหมากัดซ้ำสองหรอกน่า! ลิ่นจื่อเชินตะโกนใส่อย่างหัวเสีย แต่เสียงที่เปล่งออกมากลายเป็นเสียงม้าวๆ เหมือนเดิม ไม่ได้ทรงอำนาจหรือน่ากลัวแม้แต่นิดเดียว
น่ารักจังเลย! เลี้ยงแมวนี่ช่วยเยียวยาจิตใจจริงๆ! ซย่าหมิ่นมองแมวดำที่ทั้งดุทั้งน่ารักแล้วรู้สึกอารมณ์ปลอดโปร่งขึ้นมาก ขณะอุ้มมันเดินกลับบ้าน