ลิ่นจื่อเชินนึกว่าซย่าหมิ่นจะปฏิเสธ ในเมื่อเป็นความคิดของเด็กๆ จะไปสนใจด้วยเหตุใดเล่า
แต่ปรากฏว่านางกลับหันมามองเขาด้วยรอยยิ้มละไม ‘ก็ได้ เจ้าหน้าตาดุดันออกอย่างนี้ ถ้าเจอคนไม่ดีเข้ากลางทางจะได้ข่มขู่ให้คนเลวหนีไป พาเจ้าไปด้วยแล้วกัน’
บ้าไปแล้วหรือ! ลิ่นจื่อเชินถลึงตามองนางอย่างตกตะลึง
ด้วยเหตุนี้สุดท้ายหลิ่นอ๋องผู้ไร้หนทางต่อต้านจึงถูกจับใส่ตะกร้าออกเดินทาง ซ้ำยังปิดฝาตะกร้าไว้เสียอีก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจะอารมณ์เสียสักเพียงใด หน้าดำๆ บูดสนิทราวกับว่าหากคนแปลกหน้าเฉียดกรายเข้ามาใกล้เป็นต้องถูกกัด
สามพี่น้องโบกเกวียนเทียมวัว ก่อนจะเดินเท้าต่ออีกค่อนข้างนาน สักประมาณชั่วยาม กว่าจึงขึ้นมาถึงบนเขาแล้วปล่อยแมวออกจากตะกร้า
ตอนแรกลิ่นจื่อเชินยังอารมณ์ขุ่นมัว แต่พอได้ก้าวเหยียบพื้นดิน เป็นอิสระอีกครั้ง อารมณ์ก็ผ่องใสขึ้นทันที
เขามองไปโดยรอบ ต้นไม้รายล้อมร่มรื่น นกกาขับขาน กลิ่นหอมของดอกไม้อบอวลไปทั่ว บรรยากาศไม่เลวเลยจริงๆ เช่นนั้นก็หาที่นอนดีกว่า เขายืดตัวบิดขี้เกียจอย่างเกียจคร้าน
“มีมี อย่าเที่ยวเดินไปที่ใดสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะ บนเขามีหนูภูเขาตัวใหญ่มากๆ ถ้าเจ้าไม่อยู่ให้เป็นที่จะไม่มีใครไปช่วยนะ” แน่นอนว่าซย่าหมิ่นไม่คาดหวังว่าแมวจะช่วยหาสมุนไพรได้ นางแกล้งขู่มันพร้อมทำมือให้ดูว่าหนูตัวใหญ่เพียงใด มันฉลาดออกจะตาย ต้องฟังรู้เรื่องแน่นอน
ให้หนูตัวใหญ่เท่าหมูป่าไปเลยยิ่งดี อีกอย่างนางก็พูดผิดด้วย เขาไม่ได้กลัวหนู! ลิ่นจื่อเชินถลึงตามองอีกฝ่ายอย่างเป็นเดือดเป็นแค้น จากนั้นก็เดินดุ่มๆ ออกไป ไม่อยากสนใจคนพวกนี้อีก
เขาตั้งใจจะไปหาที่นอนงีบ…แต่เอ๊ะ นั่นอะไรน่ะ
ดวงตาสีเขียวเบิกกว้าง เป็นประกายวาววับ ห่างออกไปไม่ไกลมีนกบินเข้าไปจิกผลไม้กินด้านหน้า สัญชาตญาณของแมวทำให้เขาอยากจับนก เขาค่อยๆ ย่องเข้าไปทางนั้น ตั้งใจจะแอบซุ่มรอจังหวะกระโจนเข้าไปตะปบ
ระหว่างนั้นซย่าหมิ่นก็ไม่ยอมเสียเวลา ลงมือหาสมุนไพรทันทีพร้อมด้วยน้องๆ ทั้งสอง เขาลูกนี้เป็นที่ที่นางมาขุดสมุนไพรบ่อยที่สุด เพราะมีสมุนไพรป่าให้หามากมาย ลองว่าเมื่อไรนางได้ใจจดใจจ่อกับการขุดสมุนไพรก็มักจะลืมเวลาเสมอ
ในยุคปัจจุบันสมุนไพรที่เห็นล้วนผ่านกระบวนการมาหมดแล้ว แต่ในยุคนี้นางต้องลงมือขุดเอง ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ นางจึงขุดได้อย่างสนุกสนานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ส่วนซย่าจื้อกับซย่าเจวี้ยนเกิดในร้านยา จึงพอรู้จักสมุนไพรพื้นฐานเช่นกัน
ครึ่งชั่วยามให้หลังสามพี่น้องได้ผลงานมามากมาย ตะกร้าที่นำมาด้วยเต็มแล้วครึ่งหนึ่ง
“วันนี้ขุดได้แต่สมุนไพรดีๆ มีหลายชนิดด้วย…” แต่ต่อให้เอาไปขายจนหมดก็ยังได้เงินไม่มากอยู่ดี ต้องหาสมุนไพรชนิดที่มีราคา…นางจะจ่ายค่าเล่าเรียนน้องชายภายในเดือนนี้ได้จริงหรือไม่นะ
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาพบว่าซย่าจื้อกำลังขมวดคิ้ว ความรู้สึกที่สะท้อนอยู่บนใบหน้านางคงส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขา
นางรีบบอกน้องชาย “ไม่ต้องห่วง เขาลูกนี้ยังมีอีกหลายที่ที่ไม่เคยไป พวกเราพักกินข้าวเที่ยงกันก่อน กินอิ่มแล้วค่อยไปหาต่อ วันนี้หาไม่เจอ พรุ่งนี้อาจเจอก็ได้…” นางยื่นข้าวปั้นไปให้เขา “กินเสีย”
ซย่าจื้อได้ยินพี่สาวพูดดังนั้นก็พยักหน้า นั่งลงกินข้าวปั้นอย่างสบายใจ
ซย่าหมิ่นเตรียมข้าวปั้นมาทั้งหมดสี่ก้อน พอส่งให้ซย่าเจวี้ยนแล้วยังเหลืออีกก้อน นางนึกอะไรขึ้นมาได้ “มีมีล่ะ”
น้องสองคนช่วยกันมองหาแล้วอุทานอย่างตกใจ “มีมีหายไปแล้ว!”
หญิงสาวมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็น นางพูดอย่างหัวเสีย “ข้าขู่ไปแล้วนี่นาว่าบนเขามีหนูตัวใหญ่ ไม่ให้มันเที่ยวเดินไปที่ใดส่งเดช ตอนนี้หายไปที่ใดเสียแล้วล่ะ รู้อย่างนี้ใช้เชือกล่ามไว้ก็ดีหรอก”
“ทำอย่างไรดี เสียงเอ๋อร์กับเฉี่ยวเอ๋อร์ชอบมันมาก หากมันหลงหายไปจริงๆ พวกเด็กๆ จะต้องเสียใจจนร้องไห้ยกใหญ่แน่…” ซย่าเจวี้ยนพูดอย่างนั้นพร้อมทำท่าจะร้องไห้ออกมาเหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นห่วงมันมาก
“เจ้าแมวนั่นชอบวางท่ายิ่งใหญ่เหมือนเป็นเจ้านาย รับรองว่าล่าเหยื่อมากินเองไม่เป็นหรอก หากพลัดหลงบนเขามีแต่จะอดตายเท่านั้น ต้องรีบออกตามหามันเดี๋ยวนี้เลย” แม้แต่ซย่าจื้อที่ไม่ชอบแมวดำยังอดเป็นกังวลไม่ได้
แสดงว่าน้องชายน้องสาวเห็นมีมีเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไปแล้ว ซย่าหมิ่นยิ้มน้อยๆ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปตามหามันกันดีกว่า ถ้าเจ้าแมวโง่นั่นได้ยินเสียงพวกเราก็น่าจะวิ่งออกมาหา”
ถัดจากนั้นสามพี่น้องจึงช่วยกันตามหามีมี พวกเขาขึ้นเขากันอยู่เสมอ แม้จะไม่ถึงขั้นเดินจนปรุทุกซอกทุกมุม แต่ก็คุ้นเคยกับเส้นทางโดยรอบเป็นอย่างดี แต่ละคนร้องเรียกมีมีพลางสอดส่ายสายตามองหาแมว