เนื่องจากนางก้มตัวลงมาอาบน้ำให้เขาจากบนม้านั่งเตี้ยๆ อ๋องหนุ่มจึงเห็นรอยเปียกบนเนินอกที่ตนเกาะแน่นเมื่อครู่ได้ถนัดตา ตลอดจนเส้นโค้งเว้าของโนมเนื้อ พอคิดถึงสัมผัสนุ่มนิ่มที่แนบชิดตนเมื่อครู่ ใบหน้าก็ร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรงขึ้นทันที
ลิ่นจื่อเชินไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าหลิ่นอ๋องผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขาก็อายเป็นเหมือนกัน
“มีมี ต้องล้างอุ้งเท้าด้วยนะ…” ซย่าหมิ่นบอกยิ้มๆ พลางนวดคลึงอุ้งเท้าแมว “อุ้งเท้าเจ้าน่ารักจังเลย เป็นสีชมพูเชียว”
เหตุใดเขาถึงได้รู้สึกว่าเสียงของนางฟังแล้วชวนให้เคลิบเคลิ้มเหลือเกิน ลิ่นจื่อเชินอยากอุดหูตนเองให้รู้แล้วรู้รอด
“มีมีเป็นเด็กดีจริง” ซย่าหมิ่นชมเปาะที่มันยอมให้นางจับอาบน้ำอย่างว่าง่าย ไอร้อนจากในอ่างกระจายฟุ้งอยู่ในดวงตา นางอดไม่อยู่ที่จะระบายความในใจให้แมวตรงหน้าฟัง
“ข้าดีใจมากจริงๆ ที่วันนี้ขุดเจอโสม แต่พอถึงวันพรุ่งนี้ข้าก็ต้องกลับมาอยู่กับความจริงแล้ว ทำเป็นพูดจาใหญ่โตว่าจะส่งทุกคนเรียนหนังสือ อีกทั้งจะทำให้ร้านยาก่วงจี้กลับมาเปิดกิจการใหม่ ข้าทำได้จริงหรือ เฮ้อ ข้าเป็นพี่สาวคนโตนะ จะพูดจาท้อแท้เช่นนี้ได้อย่างไร ต้องพยายามให้มากกว่านี้ต่างหากเล่า…แต่พูดจริงๆ นะ ถ้ามีเงินสักก้อนหล่นลงมาจากฟ้าล่ะก็ ข้าคงไม่ต้องมัวแต่กลุ้มใจเรื่องกินเรื่องอยู่ แล้วแสดงความสามารถทางการแพทย์ของตนเองได้เต็มที่…แปลกจริง มีมี เหตุใดข้าถึงพูดเรื่องพวกนี้ให้เจ้าฟังได้นะ เจ้าฟังรู้เรื่องหรือ”
ดวงตาสีเขียวจ้องมองนางเขม็ง ฟังนางพูดจนจบ
ไม่นานนักจอมซนทั้งสองที่เพิ่งตื่นจากนอนกลางวันได้ยินว่ามีมีกำลังอาบน้ำอยู่ก็วิ่งมาที่ห้องอาบน้ำ เห็นแมวดำเพิ่งอาบน้ำเสร็จพอดี ขนเปียกม่อล่อกม่อแล่กไปทั้งตัว ขณะที่ดวงตาเป็นประกายวาววับ
“มีมี ขนเปียกเช่นนี้เดี๋ยวไม่สบาย พวกเราจะช่วยเช็ดตัวให้นะ”
“เช็ดตัวๆๆๆ”
ลิ่นจื่อเชินขนลุกเกรียว พอจะวิ่งหนีก็ถูกซย่าเจวี้ยนที่เดินเข้ามาในห้องอาบน้ำจับตัวไว้ได้ก่อน ผ้าแห้งสะอาดผืนหนึ่งคลุมลงมาบนร่าง จากนั้นมือเล็กๆ สองคู่ก็ถูไปตามตัว เขาทำได้แค่ร้องเมี้ยวๆๆๆ เป็นการประท้วง เสียงหัวเราะสดใสของเด็กดังเข้าหูไม่ขาดสาย สลับกับเสียงของซย่าเจวี้ยนที่คอยบอกหลานๆ ไม่ให้มือหนักเกินไปนัก ความรู้สึกของเขาในตอนนี้มีแต่ความจำยอมและความอ่อนใจ
“คุณหนูหมิ่น ตอนแรกข้าตั้งใจจะซื้อปลาตัวใหญ่หนึ่งตัว แต่ไปตอนนี้ตลาดปลาเหลือแต่ปลาตัวเล็กแล้ว เลยซื้อมาทั้งหมดหกตัว กินกันคนละตัวกำลังดี” ป้าอิ๋นฮวาอธิบาย
“แค่นี้ก็พอกินแล้วล่ะ ไว้คราวหน้าค่อยซื้อปลาตัวใหญ่มาทำกินกัน” ซย่าหมิ่นรับปลามาทอดกรอบ กลิ่นหอมฉุยลอยออกมากระตุ้นความอยากอาหารจนท้องร้อง
“ปลานี่นา ข้าจะกินปลา”
“ข้าก็จะกินปลา”
เสียงเอ๋อร์กับเฉี่ยวเอ๋อร์เห็นปลาบนโต๊ะก็ร่ำร้องว่าจะกินอย่างดีอกดีใจ
“อย่าใจร้อน รอให้ท่านอาใหญ่ทอดเสร็จก่อนค่อยกินด้วยกัน” ป้าอิ๋นฮวาบอก
ลิ่นจื่อเชินเองก็อยากกินปลาทอดกรอบ เขามองชามว่างๆ ของตนเองที่อยู่ตรงมุมโต๊ะ ซย่าหมิ่นบอกว่าจะให้เขากินของอร่อย แสดงว่าเขาจะได้กินปลาเหมือนกันใช่หรือไม่
ร่างสีดำปลอดวิ่งเข้าไปในครัวอย่างอดใจรอไม่ไหวเพื่อดูว่าซย่าหมิ่นได้เตรียมปลาไว้ให้เขากินหรือยัง แต่กลับได้เห็นนางตักปลาตัวหนึ่งขึ้นจากหม้อต้ม
ซย่าเจวี้ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ พี่สาวถามอย่างงุนงง “เหตุใดพี่ใหญ่ถึงต้องต้มปลาแยกอีกตัวล่ะ”
ซย่าหมิ่นอธิบายว่า “ปลาตัวนี้ของมีมี อาหารที่พวกเรากินเค็มเกินไปสำหรับแมว กินมากๆ ไม่ดีต่อไต ข้าเลยต้มปลารสอ่อนๆ ให้มีมีกินโดยเฉพาะ”
“อย่างนี้นี่เอง มิน่าเล่าพี่ใหญ่ถึงได้ใส่ใจทำอาหารให้มีมีเป็นพิเศษ พี่ใหญ่รักมีมีจังเลย”
ลิ่นจื่อเชินเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าอาหารที่เขาบ่นว่ารสอ่อนจืดชืดนั้น ซย่าหมิ่นตั้งใจปรุงให้เป็นพิเศษสำหรับร่างแมวของเขาโดยเฉพาะ
ครู่หนึ่งทุกคนก็มานั่งล้อมวงกินข้าวที่โต๊ะอย่างพร้อมหน้า