แม้บัดนี้จะพักอยู่ในโรงเตี๊ยม แต่หลังตื่นนอน หลี่เยี่ยนก็ไม่ลืมที่จะไปคารวะอาหญิงของตน
ทว่าพอเดินมาถึงหน้าห้องกลับเห็นซินลู่กับชิวซวงยืนขนาบประตูทั้งซ้ายขวา ในห้องมีเสียงพูดคุยดังลอดออกมาแว่วๆ
เด็กชายเองก็เป็นคนไหวพริบดี จึงเดินกลับห้องโดยไม่ถามอะไร
โรงเตี๊ยมแห่งนี้สร้างเป็นรูปตัวอักษร ‘หุย’ ห้องของเขากับห้องของอาสาวอยู่ติดกันตรงมุมพอดี เปิดหน้าต่างออกไปจะพอมองเห็นข้างในห้องนางได้เล็กน้อย
นับว่าโชคเข้าข้าง ห้องผู้เป็นอาไม่ได้ปิดหน้าต่าง เขาจึงเห็นใครคนหนึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นด้านหน้าฉากบังตา ท่านอาหญิงของเขาน่าจะนั่งอยู่ด้านหลัง แต่ถูกฉากบังไว้อย่างมิดชิดจนมองเห็นตัวไม่ถนัด
ลองเพ่งมองดูอีกทีก็พบว่าคนที่นั่งคุกเข่าดูคุ้นตายิ่งนัก ที่แท้ก็เป็นบ่าวสูงวัยคนสนิทของยงอ๋องซื่อจื่อนั่นเอง
“เซี่ยนจู่โปรดเมตตา ซื่อจื่อของข้าผิดเอง ไม่ควรล่วงเกินกวงอ๋องซื่อจื่อ ขอเซี่ยนจู่โปรดอภัย…โปรดอภัยด้วยเถิดขอรับ”
บ่าวสูงวัยโขกศีรษะลงกับพื้นจนได้ยินเสียงโป๊กๆ ดังกังวานอยู่ในห้อง
ด้านหลังฉากบังตา หลี่ชีฉือนั่งตัวตรงสง่าด้วยสีหน้าเรียบเฉย กำลังรอให้กาน้ำชาบนโต๊ะเดือด
ยงอ๋องซื่อจื่อมาขอพำนักในกวงโจวเพื่อร่ำเรียนวิชา ทว่าใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อเหลือร้าย เห็นว่าเงินที่ทางบ้านให้มาไม่พอใช้ จึงแอบขโมยเครื่องประดับของมารดาตนเองไปแลกเงินจากโรงจำนำ
บังเอิญเหลือเกินที่โรงจำนำแห่งนั้นเป็นของนาง
แน่นอนว่านางพูดออกมาโต้งๆ ไม่ได้จึงสั่งให้หลงจู๊โรงจำนำตรวจนับข้าวของแล้วนำออกขาย จะให้ดีที่สุดต้องนำไปขายในเขตปกครองของยงอ๋องเพื่อให้เกียรติเจ้าของทรัพย์เดิม
พอยงอ๋องซื่อจื่อรู้ข่าวก็รีบส่งคนไปขัดขวาง แต่หลงจู๊กล่าวว่ากวงอ๋องซื่อจื่อมีบุญคุณต่อตน เวลานี้กลับถูกยงอ๋องซื่อจื่อข่มเหงรังแกหลายครั้งหลายครา ต่อให้ตัวตาย ตนก็จะขอระบายความคับแค้นแทนผู้มีพระคุณให้ได้
ยงอ๋องซื่อจื่อเป็นเพียงเด็กน้อยผู้หนึ่ง จะเอาอะไรมาต่อกรกับสามัญชนเขี้ยวลากดินไม่กลัวตายพรรค์นี้ มีแต่จะยิ่งร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก แล้วสั่งให้บ่าวสูงวัยคนสนิทจัดเตรียมของมีค่าจำนวนมากมาขอขมาที่ตำหนักกวงอ๋องโดยด่วน
ทว่าชิงหลิวเซี่ยนจู่ผู้ปกครองตำหนักยงอ๋องได้พาซื่อจื่อออกเดินทางไปแล้ว เหลือเพียงสาวใช้ชิวซวงที่ยังอยู่ระหว่างทาง
สถานการณ์คับขัน ไม่มีเวลาให้ใคร่ครวญใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่ต้องไล่ตามไปเท่านั้น
จวบจนน้ำชาเดือด และบ่าวสูงวัยโขกศีรษะจนหน้าผากแตก ในที่สุดหลี่ชีฉือก็ส่งเสียงทอดถอนใจ ก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าเป็นหญิงอยู่แต่ในเรือน เข้าใจซื่อจื่อของเจ้าก็จริง แต่จนใจที่ไม่อาจช่วยอะไรได้ โรงจำนำแห่งนั้นคิดดอกเบี้ยทบต้น ขูดเลือดขูดเนื้อน่ากลัวยิ่งนัก ข้าว่าเจ้ากลับไปวิงวอนต่อทางยงอ๋องให้เขาออกเงินช่วยไถ่ของกลับมาให้ดีกว่า”
บ่าวสูงวัยได้ฟังดังนั้นก็นิ่งงัน
“ซินลู่ ส่งแขก”
ประตูถูกเปิดออก ซินลู่กับชิวซวงเดินเข้ามาคู่กัน
ก่อนจะถูกพาตัวออกไป บ่าวตำหนักยงอ๋องยังไม่ล้มเลิกความคิดจะอ้อนวอน ขอของแทนตัวจากอีกฝ่ายสักชิ้นเพื่อเอาไปใช้ถ่วงเวลากับทางโรงจำนำสักสองสามวันก็ยังดี แต่พอเงยหน้าขึ้นเหลือบมองไปโดยไม่เจตนา ก็พบว่าปิ่นทองบนเรือนผมชิงหลิวเซี่ยนจู่ที่ส่องสะท้อนอยู่บนฉากบังตาช่างดูคุ้นตายิ่งนัก เหมือนจะเป็นอันเดียวกับที่ซื่อจื่อของตนให้เอาไปจำนำ เห็นดังนั้นก็มือไม้สั่น ไม่มีหน้าจะพูดอะไรอีก
พอผู้มาเยือนจากไป ฉากบังตาก็ถูกยกออก
หลี่ชีฉือมองไปนอกหน้าต่าง หลี่เยี่ยนกำลังเหลียวมองไปตามทางที่บ่าวตำหนักยงอ๋องเดินออกจากห้องพร้อมเม้มปากแน่น
ที่จริงเขาก็เป็นเด็กเข้มแข็งผู้หนึ่ง นางรู้อยู่หรอก
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 31 ม.ค. 65 เวลา 12.00 น.