เสียงกลองรัวกระชั้นอยู่บนกำแพงเมือง
ชาวบ้านแยกย้ายไปหมดแล้ว เหลือเพียงทหารม้าสองกองตั้งแถวขึงขังตรงหน้าประตูเมือง
หลัวเสี่ยวอี้ขี่ม้ากลับมาหาฝูถิง ยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่หนาวจนแข็งของตนทีหนึ่งแล้วเอ่ยถามว่า “พี่สาม จะทำอย่างไรดี คนเยอะเหลือเกิน!”
อยู่ๆ ผู้อพยพนอกเมืองก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาขี่ม้าออกไปสืบถามจนได้ความกระจ่าง ที่แท้ราษฎรที่อพยพไปพื้นที่ใต้การควบคุมของกองพลอื่นพากันแห่แหนมาที่นี่กันหมด
ฝูถิงบัญชาการแปดกองพลสิบสี่เมือง ไม่เพียงแต่จะทุ่มเงินทั้งหมดที่มีให้กองบัญชาการฮั่นไห่ ยังให้ความสำคัญกับอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองพลใต้อาณัติและการป้องกันเมืองทั้งสิบสี่ก่อนอย่างอื่น
ถึงอย่างนั้นจำนวนผู้อพยพปีนี้ก็มากกว่าปีก่อน เกินกำลังที่กองพลใหญ่อื่นๆ จะรับไหว
คนเหล่านั้นซมซานไปขอพึ่ง ไร้ที่รองรับไม่พอ ซ้ำร้ายยังถูกไล่ออกมาอีก สุดท้ายเลยพากันแห่แหนมาที่กองบัญชาการฮั่นไห่อันเป็นกองพลแม่
ผู้อพยพที่อยู่นอกกองบัญชาการฮั่นไห่แต่เดิมได้ยินว่าผู้อพยพกลุ่มอื่นถูกไล่มาที่นี่ ก็กลัวว่ากองบัญชาการจะขับไล่ไสส่งพวกตนเช่นกัน ทุกคนตกอยู่ในสภาพไร้ทางไปอยู่แล้ว พอข่าวลือเริ่มแพร่กระจาย จึงชิงตื่นตูมกันไปเองก่อน
ฝูถิงถือดาบยืนเม้มปากแน่นอยู่ตรงหน้าประตูเมือง
หลัวเสี่ยวอี้เอ่ยขึ้น “ได้ยินว่าก่อนหน้านี้ยังมีคนใจบุญเอาเงินไปแจกจ่ายผู้อพยพ พวกนั้นเลยสงบเสงี่ยมไปพักหนึ่ง ใครจะไปรู้ว่าอยู่ๆ จะก่อความวุ่นวายขึ้นมาเช่นนี้”
ชายหนุ่มเอาแต่ใช้ความคิดเงียบๆ เหมือนไม่ได้ยิน
การอาศัยกำแพงเมืองป้องกันไม่ใช่ทางออก
เสียงกลองสัญญาณดังรัวขึ้นอีกครั้ง
ทางนั้นตีกลองเร่งจนไม่รู้จะเร่งอย่างไรแล้ว หลัวเสี่ยวอี้กระโดดลงจากหลังม้า ปราดเข้ามาหาฝูถิงอย่างร้อนใจแล้วเอ่ยถามอีกครั้ง “พี่สาม ตกลงจะเอาอย่างไร”
“ยังจะเอาอย่างไรได้เล่า” ฝูถิงทำหน้าเครียด คนเหล่านี้เป็นราษฎร ดาบในมือเขามีไว้สังหารข้าศึกต่างหาก หากไม่ต้องคอยป้องกันมิให้เกิดความสูญเสียขึ้นในเมือง เขาไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มฟังเสียงกลองพร้อมกัดฟันแน่น แล้วปล่อยมือออกจากด้ามดาบ “เปิดประตูเมือง”
หลัวเสี่ยวอี้ผงะ “จะให้พวกนั้นเข้ามาหรือ”
เมื่อผู้อพยพเข้าเมือง ใครเข้าร่วมกองทัพก็ไปเป็นทหาร ใครบุกเบิกที่ทางก็ตั้งบ้านเรือน ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแต่อย่างใด ทว่าบัดนี้จำนวนคนมากเหลือล้น ด้วยสภาพการเงินของพวกเขาในปัจจุบันอาจแบกรับภาระไม่ไหว
อะไรบางอย่างวาบเข้ามาในสมอง หลัวเสี่ยวอี้พึมพำอย่างบรรลุแจ้ง “ข้าเข้าใจแล้ว ที่แท้พี่สามก็เก็บเงินส่วนตัวแต่เดิมก้อนนั้นไว้เพื่อการนี้นี่เอง”
ฝูถิงไม่ตอบ ทว่าก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน เขาตั้งใจจะขยายกองทัพนานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้คิดว่าต้องมาทำภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
“ข้าว่าลองคิดหาทางอื่นกันดีกว่า” หลัวเสี่ยวอี้มีท่าทางลังเล
ขยายกองทัพมีผลดี แต่ถ้าต้องใช้เงินจำนวนดังกล่าวมาช่วยคนมากมายเพียงนี้ให้ตั้งเนื้อตั้งตัวก็เกรงว่าจะไม่พอ ถึงอย่างไรก็ต้องมีช่องว่างที่อุดไม่อยู่
ฝูถิงตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ไม่คิดจะฟังอีกฝ่ายชักแม่น้ำทั้งห้า “ไม่ต้องพูดมาก เปิดประตูเมือง!”
หลัวเสี่ยวอี้เหลือบมองสีหน้าคนสั่งแล้วยกมือลูบต้นคอ เดินไปปีนขึ้นม้าอย่างจำใจ เอาเข่ากระทุ้งควบอาชาทะยานไปข้างหน้าพร้อมตะโกนดังลั่น “ท่านผู้บัญชาการมีคำสั่งให้เปิดประตูเมืองรับคนเข้ามา!”
เสียงกลองหยุดลง ประตูเมืองเปิดออกจากกันช้าๆ