ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 1-2 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 1-2

แม้ว่าการสะกดรอยโจมตีเมื่อตอนกลางวันจะได้รับชัยชนะอย่างหมดจด ไม่เพียงสามารถช่วยสตรีที่ถูกฉุดคร่ากลับมาได้ กองทหารม้าชาวตี๋จอมอหังการกลุ่มนี้ยังบาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึ่ง หากไม่นับพวกที่หนีรอดไปได้ ที่เหลือล้วนถูกบั่นคอทั้งหมด แต่ถึงอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็ห้าวหาญดุดัน ซ้ำยังได้เปรียบที่มีจำนวนมากกว่า คนฝ่ายนางจึงบาดเจ็บไปเจ็ดแปดคนเช่นกัน

“ไม่เป็นอะไรมากขอรับ เมื่อครู่จัดการทำแผลเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่…” ฝานจิ้งเว้นช่วงไปเล็กน้อย “นายกองควันสัญญาณผู้นั้นทนพิษบาดแผลไม่ไหว เพิ่งสิ้นลมไปเมื่อครู่ ภรรยาเขาอุ้มลูกมาดูศพแล้วขอรับ”

นายกองควันสัญญาณรู้ว่าความผิดของตนมีโทษถึงตาย จึงขอชดเชยด้วยการติดตามไปต่อสู้กับชาวตี๋ด้วย สุดท้ายก็บาดเจ็บสาหัสกว่าใคร

“พลควันสัญญาณสองนายที่ละเลยหน้าที่ก็ถูกมัดไว้แล้ว รอท่านแม่ทัพพิจารณาโทษ นอกจากนั้นหลี่เหอก็มาขอรับโทษด้วยเช่นกันขอรับ”

ด้านล่างเนินหญิงสาวคนหนึ่งคุกเข่ากุมศีรษะร้องไห้ปิ้มว่าจะขาดใจอยู่ข้างศพ ทารกหญิงที่ยังไม่ครบปีถูกวางไว้กับพื้น แขนขาทั้งสี่คลานตุ้บตั้บไปรอบๆ ข้างตัวมารดาอย่างไม่ประสีประสา ปากก็ส่งเสียงอ้อแอ้ไปตามสัญชาตญาณ

เหล่าผู้ติดตามรวมกลุ่มกันอยู่ใกล้ๆ แม่ทัพหนุ่มหน้าตาอ่อนเยาว์ผู้หนึ่งที่เพิ่งทำแผลเสร็จแสดงความไม่พอใจออกมาดังๆ อย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง “…ท่านแม่ทัพใหญ่เอาแต่สั่งให้ตั้งรับๆ ทั้งปีทั้งชาติ! เอาแต่ให้พวกเราหมกตัวอยู่ในด่านเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดอง! มันน่าหงุดหงิดนัก! มณฑลนอกด่านทั้งซั่วโจวเอย! เหิงโจวเอย! เยียนโจวเอย! และโยวโจวเอย! ถูกไอ้พวกโจรเหนือยึดไปยังพอทำเนา น่าเจ็บใจที่สุดตรงที่พวกมันยังข้ามแดนมาฆ่าฟันชาวบ้านกับฉุดคร่าสตรีของพวกเราอีก! เมื่อไรถึงจะออกนอกด่านไปทำศึกใหญ่ขับไล่ชาวตี๋ให้กลับไปในที่ที่พวกมันควรอยู่ได้เสียที ถ้าได้ออกไปทำศึก ต่อให้ตายก็คุ้ม!”

อันที่จริงทหารนายอื่นก็กำลังอารมณ์พลุ่งพล่านไม่ต่างกัน แต่เมื่อได้ยินเจ้าตัวพาดพิงไปถึงท่านแม่ทัพใหญ่ก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียง

หลี่เหอผู้บัญชาการกองกำลังทหารรักษาการณ์ประจำพื้นที่ที่เพิ่งมาถึงรู้ว่าทหารหนุ่มเลือดร้อนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนจากค่ายชิงมู่ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเจียงหานหยวน เจ้าหนุ่มหน้าอ่อนนั่นมีนามว่าหยางหู่ ชื่อรองซิวหมิง ชื่อเล่นชีหลาง เชี่ยวชาญการขี่ม้ายิงเกาทัณฑ์ ใช้ทวนวงเดือนเก่งเป็นเลิศ ฮึกเหิมห้าวหาญ ไม่หวาดหวั่นเมื่ออยู่ในสนามรบ ในการศึกที่มีพื้นที่จำกัดคราหนึ่งเคยฝ่าทะลวงทัพข้าศึกกลับไปกลับมาหลายรอบ แต่ละรอบเด็ดหัวศัตรูไปได้ยี่สิบกว่าคน มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งกองทัพว่าใจกล้าบ้าบิ่นไม่กลัวตาย จนได้รับฉายาว่า ‘ชีหลางห่ามระห่ำ’ ชาติกำเนิดก็มิใช่สามัญ ปู่ของเขาเคยเป็นถึงเจ้าเมือง แม้เวลานี้วงศ์ตระกูลจะตกต่ำจนต้องมาเป็นทหารเพื่อสร้างความดีความชอบ แต่อูฐจะผอมแห้งก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า มิหนำซ้ำตัวหลี่เหอเองยังมีความผิดฐานบกพร่องในหน้าที่ ไหนเลยจะพูดอะไรได้ ดังนั้นจึงเอาแต่นิ่งเงียบ

“หุบปากนะ!”

ฝานจิ้งตวาดเสียงดัง

หยางหู่หันไปมอง เห็นฝานจิ้งผู้มีหนวดเคราดกเฟิ้มเดินมาพร้อมท่านแม่ทัพ ถึงค่อยปิดปากอย่างไม่เต็มใจ

หลี่เหอลนลานคุกเข่าละล่ำละลักขอรับโทษทัณฑ์ที่บกพร่องในหน้าที่

หญิงสาวนางนั้นโขกศีรษะให้เจียงหานหยวนพลางร่ำไห้อ้อนวอน “เป็นความผิดข้าเจ้าค่ะ! ทุกอย่างเป็นความผิดของข้า ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย! เขาไม่ได้กลับบ้านหลายเดือนเต็มทีแล้ว ข้าจึงฝากคนนำจดหมายไปบอกให้เขากลับบ้านมาดูบุตรสาวสักครั้ง เขาต้องมาเจอเคราะห์ร้ายก็เพราะข้า…เขาต้องมาเจอเคราะห์ร้ายก็เพราะข้า…”

นางโศกศัลย์ปานใจจะขาด หมอบกราบฟุบหน้าลงกับพื้น ความสิ้นหวังและความเสียใจสะท้อนอยู่ในเสียงครวญคร่ำ

ตะวันรอนราแสงลับไปตรงชายทุ่ง ความมืดโรยตัวลงโดยรอบ ลมป่าพัดตะบึงทึ้งชายเสื้อคลุมเปื้อนเลือดของเจียงหานหยวนให้สะบัดพึ่บพั่บ

ชายผ้าพลิ้วดึงดูดความสนใจทารกน้อยเพราะนึกว่ามีใครเล่นด้วย ทารกน้อยคลานเข้ามาหานางพลางเอื้อมมือจับชายผ้า แกว่งแขนไปมาพร้อมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ

หญิงสาวสัมผัสได้ว่าสถานการณ์แปลกไปจึงช้อนตาขึ้นมอง ก่อนจะเห็นแม่ทัพหญิงที่ยังมีคราบเลือดติดบนใบหน้าหลุบตามองทารกตรงปลายเท้าด้วยสีหน้าเครียดทะมึน

นางนึกขึ้นได้โดยพลันว่าแม่ทัพหญิงผู้นี้ถูกขนานนามว่า ‘อสุราหญิง’ ดาบด้ามห่วง ที่ห้อยเอวฆ่าคนมานับไม่ถ้วน นอกจากนั้นยังมีข่าวลือว่าในวัยเด็กหญิงผู้นี้มีหมาป่าเป็นมารดา นางจึงเป็นธิดาของหมาป่า จนบัดนี้ก็ยังต้องดื่มเลือดในคืนจันทร์เต็มดวง หาไม่จะกลายร่างเป็นหมาป่าเขี้ยวยาว

หญิงสาวเชื่อข่าวลือดังกล่าวอย่างฝังใจ หากไม่ใช่ความจริง มีหรือสตรีนางหนึ่งจะสามารถกรำศึกในสมรภูมิเช่นเดียวกับบุรุษ เข่นฆ่าศัตรูเอาเลือดสังเวยดาบมานักต่อนัก

นางไม่กล้าร้องไห้ต่อ ได้แต่ลนลานขอขมาพลางคลานไปข้างหน้าหมายจะห้ามปรามบุตรสาว กลับเห็นแม่ทัพหญิงก้มตัวลงเสียก่อน

ภายใต้การจับจ้องจากสายตาพรั่นพรึงของหญิงสาวผู้เป็นมารดาเด็กน้อย เจียงหานหยวนค่อยๆ ยื่นมือไปจับมือเล็กกระจ้อยร่อยของทารกที่ดึงชายเสื้อคลุมตนไว้

มือที่จับผิวนุ่มนิ่มของเด็กน้อยข้างนั้นเต็มไปด้วยตุ่มไตแข็งๆ จากการจับดาบ ทั้งฝ่ามือและปลายนิ้วสากกร้าน

คงเพราะรู้สึกระคายผิว เด็กน้อยจึงร้องไห้โฮออกมา

คนเป็นมารดายิ่งหวาดหวั่น จะยื้อลูกกลับมาก็ไม่กล้า ได้แต่ตัวสั่นงันงกโขกศีรษะไม่หยุดหย่อนขอการละเว้นจากนาง

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com