บทที่ 3
หลิวเซี่ยงชะงัก กวาดตามองอย่างถ้วนถี่อยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะอุทานด้วยความแปลกใจแกมยินดี “นายหญิงน้อย! เหตุไฉนเป็นท่านได้ล่ะนี่!”
ในอดีตหลิวเซี่ยงเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเจียงจู่วั่ง รักษาชายแดนทางเหนือแถบเมืองเยี่ยนเหมินด้วยกันมาโดยตลอด จวบจนสิบกว่าปีก่อนถึงค่อยแยกกันไปคนละทาง เจียงจู่วั่งยังคงเป็นแม่ทัพใหญ่พิทักษ์อุดร ดูแลแนวชายแดนต่อไป ขณะที่หลิวเซี่ยงโรคเก่ากำเริบจนต้องถอดชุดเกราะทหารแล้วเดินทางเข้าเมืองหลวงมาเป็นแม่ทัพกองทหารรักษาพระองค์ ควบคุมการจัดกำลังทหารรักษาพระองค์ทั้งในและนอกเขตพระราชฐาน
สมัยที่ฮ่องเต้เซิ่งอู่ทำสงครามรวมเก้าเมืองให้เป็นหนึ่งได้มีแม่ทัพนายกองสร้างความดีความชอบทางการศึกนับไม่ถ้วน ระหว่างช่วงเวลานั้นเขาอยู่แต่ในกองทัพทางเหนือของเจียงจู่วั่ง ไม่เคยสร้างผลงานโดดเด่น ที่สามารถเงยหน้าอ้าปากมีโอกาสได้ดำรงตำแหน่งในปัจจุบันก็เพราะเจียงจู่วั่งช่วยสนับสนุน เนื่องจากติดข้อห้ามไม่ให้ขุนนางในและนอกเมืองหลวงติดต่อกัน หลายปีที่ผ่านมาจึงไม่มีโอกาสได้พบหน้า กระนั้นหลิวเซี่ยงก็ยังเคารพและซาบซึ้งบุญคุณเจ้านายเก่ามาโดยตลอด
กับเจียงหานหยวนนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะเขาเห็นนางในค่ายทหารมาตั้งแต่เล็กจนโต
พอจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ความสนิทสนมก็สะท้อนออกมาทางสีหน้าทันที
“เหตุใดนายหญิงน้อยถึงได้มาเมืองหลวงอย่างปุบปับเล่า ที่ผ่านมาท่านแม่ทัพใหญ่สุขสบายดีหรือไม่ ไม่ได้เจอกันหลายปี พริบตาเดียวนายหญิงน้อยก็เติบใหญ่ถึงเพียงนี้แล้ว! ถึงตัวข้าจะอยู่ในเมืองหลวง แต่สองปีมานี้ก็ได้ยินข่าวนายหญิงน้อยชนะศึกอยู่เนืองๆ ราวกับเป็นดาวอู่ฉวี่จุติลงมา มิเสียแรงที่สืบสายเลือดตระกูลแม่ทัพจริงๆ ชายอกสามศอกที่ได้แต่ทำงานรอความตายไปวันๆ อย่างข้าเห็นแล้วละอายใจยิ่งนัก!”
เขาก้าวเข้าไปหาเพื่อคารวะเจียงหานหยวน แต่ถูกนางห้ามไว้
“มิกล้า อาหลิวไม่ต้องเกรงใจไป ขอบอกอย่างไม่ปิดบัง ข้ามาหาอาหลิววันนี้เพราะมีเรื่องอยากขอให้ท่านช่วย” นางบอกยิ้มๆ
หลิวเซี่ยงพยักหน้าทันควัน “นายหญิงน้อยมีเรื่องอันใดก็ว่ามาได้เต็มที่เลย ขอเพียงอาหลิวผู้นี้ช่วยได้ ไม่มีเสียล่ะที่จะปฏิเสธ!”
เจียงหานหยวนเหลือบมองไปทางวัดฮู่กั๋ว
แมกไม้ฤดูสารทแผ่กิ่งก้านบดบังแสงแดด ลึกเข้าไปด้านหลังกำแพงอารามสูงตระหง่านเสียงสวดมนต์ลอยตามลมออกมาแว่วๆ ตัวชือเหวิ่น* ประดับอยู่บนสองฝั่งสันหลังคากระเบื้องสีทองตัดเขียวหยกของหอใหญ่โอ่อ่า สะท้อนแสงเป็นประกายแวววาว
“เช่นนั้นก็ขอบคุณอาหลิวมาก ข้าอยากเข้าไปข้างใน”
หลิวเซี่ยงชะงัก
“เรื่องนี้…”
เขาอึกๆ อักๆ พูดต่อไม่ออก
เจียงหานหยวนอมยิ้ม “ข้ารู้ว่าสิ่งที่ขอฟังดูไร้เหตุผลและทำให้ท่านลำบากใจ แต่โปรดวางใจได้ ข้าไม่มีวันทำให้ท่านเดือดร้อนเด็ดขาด”
หากผู้อื่นแม้กระทั่งญาติพี่น้องเอ่ยปากขอเช่นนี้ หลิวเซี่ยงจะปฏิเสธไปอย่างไม่ลังเลเลยทีเดียว
แต่คนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าคือบุตรสาวเจ้านายเก่า…
“เรียนถามนายหญิงน้อย วันนี้ท่านต้องการเข้าไปในอารามด้วยเหตุใด ไม่ใช่ว่าอาหลิวไม่อยากช่วย แต่…นายหญิงน้อยก็ทราบ ข้ามีหน้าที่ค้ำคอ จะให้เกิดเหตุผิดพลาดใดๆ ไม่ได้ทั้งนั้น”
ในที่สุดเขาก็เอ่ยถามเลียบๆ เคียงๆ
“ข้าอยากเห็นหน้าอ๋องผู้สำเร็จราชการสักครา”
เสียงที่ตอบกลับมาราบเรียบเป็นปกติ
หลิวเซี่ยงชะงักไปเป็นอันดับแรก จากนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้
ปีนี้อ๋องผู้สำเร็จราชการอายุยี่สิบสี่ปี ทว่ายังไม่เคยผ่านการแต่งงาน ตำแหน่งชายาจึงว่างมาจนทุกวันนี้